โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

เปิด 2 เหตุผลหลักเดือน ก.ย.-ธ.ค. 68 ความต้องการใช้ไฟฟ้าลดลง!

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 และการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การค้า และการบริการ ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พลังงานไฟฟ้าถือเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม

การเพิ่มขึ้นของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาเมือง และการขยายตัวของฐานการผลิต ล้วนนำไปสู่ความต้องการพลังงานไฟฟ้าที่มากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตและการพัฒนาประเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืนในระยะยาว

นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ประเมิณปริมาณความต้องการใช้พลังงานรอบเดือนก.ย.-ธ.ค. 2568 จะลดลงจากรอบเดือนพ.ค.-ส.ค. 2568 ราว 8% จากปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่ 78,000 ล้านหน่วย เหลือที่ 72,222 ล้านหน่วย

ทั้งนี้ มีสาเหตุมาจาก 1. อุณหภูมิ โดยประเทศไทยในช่วงปลายปีจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว โดยอุณหภูมิโดยทั่วไปจะลดลงมากกว่าช่วงกลางปี และ 2. เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงภาษีศุลกากรตอบโต้สหรัฐ เป็นต้น

ส่วนการใช้ไฟฟ้าปี 2569 นั้น ยังคงมีปัจจัยความท้าทายที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษจากเหตุสถานการณ์ของการเมืองโลก และความไม่สงบในภูมิภาคอื่น ที่อาจส่งผลกระทบและเป้นปัจจัยลบต่อค่าเชื้อเพลิง

"แม้ไทยจะต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศสูง แต่รัฐบาลไทยได้ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานไม่ให้ขาดแคลนและราคาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบกับค่าครองชีพของประชาชน"

ทั้งนี้ ที่ประชุมกกพ.มีมติให้เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) และการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสำหรับงวด ก.ย. - ธ.ค. 2568 เป็น 3 กรณี ตั้งแต่ตรึงค่าไฟฟ้าอัตราเท่างวดปัจจุบัน (พ.ค. - ส.ค.) หน่วยละ 3.98 บาท ถึงสูงสุดหน่วยละ 5.10 บาท โดยกกพ. เปิดรับฟังความคิดเห็นผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ตั้งแต่วันที่ 17 - 28 ก.ค. 2568 ก่อนที่จะมีการสรุปและประกาศอัตราใหม่อย่างเป็นทางการต่อไป

อย่างไรก็ตาม ค่าไฟงวดใหม่นี้ ต้องบอกว่ามีแต่ข่าวดีเข้ามาทำให้ทิศทางค่าไฟงวด ก.ย. - ธ.ค. 2568 ลดลง เช่น ปริมาณก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากอ่าวไทยกลับมาสู่ภาวะปกติเท่ากับก่อนวิกฤติราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาพูลก๊าซอยู่ที่ 299 บาทต่อล้านบีทียู ลดลง 14 บาทต่อล้านบีทียู เทียบกับเดือนก่อน ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 1.32 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าช่วงปลายปีมีแนวโน้มลดลง

รวมทั้งราคาถ่านหินยนำเข้า ราคาสปอต แอลเอ็นจีลดลงทั้งหมด มีเพียงน้ำมันเจา ที่ปรับขึ้นเล็กน้อย ที่ 6% แต่เราใช้น้อย แต่สาเหตุที่กกพ. ยังไม่สามารถประกาศปรับลดค่าเอฟทีและค่าไฟได้ทันที เพราะว่ามีภาระต้นทุนค่าเชื้อเพลิงคงค้าง (เอเอฟ) ที่เกิดขึ้นจริงของ กฟผ. ที่เหลือ 66,072 ล้านบาท และการจัดหาก๊าซธรรมชาติของกฟผ. อีก 3,000 ล้านบาท และปตท.อีกกว่า 12,000 ล้านบาท รวมแล้วประมาณ 15,084 ล้านบาท รวมทั้ง 2 ยอด 81,156 ล้านบาท เราจึงต้องหาจุดสมดุลราคาที่เหมาะสม ให้ผู้ผลิตไฟฟ้าอยู่ได้ และประชาชนรับได้เช่นกัน

สำหรับเงื่อนไขทั้ง 3 กรณีประกอบด้วย กรณีแรก ตรึงค่าเอฟทีเท่ากับงวดปัจจุบัน หน่วยละ 3.98 บาท เป็นการทยอยคืนหนี้เอเอฟให้กฟผ.เดือนละ 7,072 ล้านบาท จากยอดหนี้รวม 66,072 ล้านบาท แต่ยังไม่คืนหนี้ในส่วนการจัดหาและค่าส่งก๊าซธรรมชาติของปตท. และกฟผ.ยอดหนี้รวม 15,084 ล้านบาท กรณี 2 ปรับขึ้นค่าไฟเป็นหน่วยละ 4.87 บาท เป็นการทยอยจ่ายหนี้ค่าเอเอฟกฟผ.ทั้งหมด 66,072 ล้านบาท แต่ยังไม่คืนหนี้ในส่วนการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติของปตท. และกฟผ.ยอดหนี้รวม 15,084 ล้านบาท กรณี 3 ปรับขึ้นค่าไฟเป็นหน่วยละ 5.10 บาท เป็นกรณีที่ชำระคืนหนี้ทั้งหมดของกฟผ. และปตท. รวมทั้งสิ้น 81,156 ล้านบาท

ส่วนกรณีหากรัฐบาล หรือกระทรวงพลังงาน ต้องการให้ปรับลดค่าไฟงวดใหม่นี้ให้ต่ำกว่างวดปัจจุบัน โดยให้ทยอยจ่ายหนี้กฟผ.เหลือเดือนละประมาณ 5,000 ล้านบาทเท่ากับงวดปัจจุบันนั้น ประเด็นนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับภาคนโยบาย หรือขึ้นอยู่กับความยิมยอมของกฟผ. ที่ต้องแบกรับภาระหนี้ต่อไป เพราะหน้าที่ของกกพ. มีหน้าที่รักษาสมดุลในอัตราที่เหมาะสมที่สุด เพราะอัตราใหม่ที่กกพ.คำนวณ พิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของกฟผ. ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เพราะทุกหนี้ที่เกิดขึ้นกฟผ. ต้องจ่ายดอกเบี้ย

"ตอนนี้ทั้งกฟผ.และปตท.ต้องแบกรับไว้ และในอนาคตยังมีเรื่องไม่คาดคิดจากปัจจัยเศรษฐกิจโลก และความขัดแย้ง สงครามทางด้านตะวันออกกลางที่อาจกลับมาอีกเมื่อไรก็ได้ กกพ.จึงมองว่า อัตรานี้เป็นอัตราที่เหมาะสมแล้ว ขณะที่แนวโน้มงวดถัดไป (ม.ค. - เม.ย.) จะเป็นอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่ต้องติดตามสถานการณ์ราคาแอลเอ็นจี สถานการณ์ความไม่สงบในต่างประเทศ และความต้องการใช้ไฟในช่วงปลายปีที่คาดว่า ลดลง"

นายพูลพัฒน์ ได้ตอบข้อซักถามถึงความเป็นไปได้กรณีอัตราค่าไฟลดลงไปถึงหน่วยละ 3.70 บาทเมื่อไรนั้น กรณีทางกระทรวงพลังงาน กกพ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำลังเร่งดำเนินการหาแนวทางอยู่ เป็นประเด็นที่ต้องหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

‘สหายอ้วน’ ผนึก ‘สหายป็อป’ ปั้น‘มท.สีแดง’ คิกออฟสร้างผลงาน

42 นาทีที่แล้ว

‘สามารถ’ เปิดแผน ‘สุวรรณภูมิ’ ชี้ ทอท.ปรับใหม่ ยอมถอยไม่มี ‘เทอร์มินัลตัดแปะ’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘ต่างชาติเที่ยวไทย’ ซึม! ‘มาคาเลียส’ แนะจับ 5 บิ๊กเทรนด์ ออกแพ็กเกจเจาะ ‘ไทยเที่ยวไทย’

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ญี่ปุ่นเปิดคูหาเลือกตั้ง ส.ว. วันนี้ ชี้ชะตารัฐบาลนายกฯ อิชิบะ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ด่วน.! เว็บ Lazada-shopee อีก 17 เว็บดัง ต้องปฏิบัติตาม ม.20

The Bangkok Insight

‘สามารถ’ เปิดแผน ‘สุวรรณภูมิ’ ชี้ ทอท.ปรับใหม่ ยอมถอยไม่มี ‘เทอร์มินัลตัดแปะ’

กรุงเทพธุรกิจ

“ท๊อป จิรายุส” สรุป 5 ไฮไลท์เศรษฐกิจโลก จากเวทีประชุมผู้นำ Summer Davos 2025

การเงินธนาคาร

‘ต่างชาติเที่ยวไทย’ ซึม! ‘มาคาเลียส’ แนะจับ 5 บิ๊กเทรนด์ ออกแพ็กเกจเจาะ ‘ไทยเที่ยวไทย’

กรุงเทพธุรกิจ

“กรมอุตุ” เตือน “ภาคตะวันออก-กลาง-อีสาน” ระวังฝนตกหนัก-น้ำท่วมฉับพลัน

ข่าวหุ้นธุรกิจ

MOTHER เร่งขยายสาขา “เมืองท่องเที่ยว” ดันมาร์จิ้นโต มั่นใจครึ่งปีหลังสดใสต่อเนื่อง

ข่าวหุ้นธุรกิจ

'หยั่น หว่อ หยุ่น' โอดสินค้าจำเป็นทรงตัว เศรษฐกิจ-กำลังซื้อฉุดตลาด

กรุงเทพธุรกิจ

Netflix ใช้ Gen AI ช่วยสร้างซีรีส์ The Eternaut - ช่วยผู้สร้างเล่าเรื่องได้ดีขึ้น

SpringNews

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...