'สุดารัตน์' ลุย ตลาดนัดจตุจักร แฉทุจริต-เอื้อเอกชน ค่าเช่าพุ่ง
19 ก.ค. ที่ ตลาดนัดจตุจักร คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย พร้อมด้วย ดร.ธวัชชัย ปิยนนทยา ประธานคณะทำงานภาคกทม. พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร รับฟังปัญหาความเดือดร้อน จากผู้ค้าในจตุจักรที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนมานานนับปี และเรื่องยังค้างคา โดย ดร. ธวัชชัย ตรวจพบเรื่องทุจริต 3 เรื่องและได้ร้องไปที่ ป.ป.ช. แล้วเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แต่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขและกลับหนักขึ้น
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า กทม. ได้เซ็นสัญญากับบริษัทเอกชน ซึ่งไม่ใช่ผู้ค้าของตลาด ให้เข้ามาทำตลาดกลางคืน ซึ่งขัดกับวัตถุประสงค์เดิมของการจัดตั้งตลาด สัญญาระบุ 700 แผง ในราคา 3.05 ล้านบาทต่อเดือน แต่ต่อมาได้ขอลดเหลือ 1.6 ล้านบาท และเหลือ 7 แสนบาทต่อเดือน ซึ่งยังไม่ได้รับการอนุมัติ แต่มีการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนดำเนินการแล้ว โดยเอกชนเก็บค่าเช่าจากผู้ค้ารายใหม่วันละ 400 บาท (ศุกร์-อาทิตย์) การกระทำนี้เป็นการรุกพื้นที่ค้าขายของผู้ค้าเดิม
โครงการ 30 ซึ่งเป็นจุดขายสินค้า OTOP บริเวณหอนาฬิกาและเป็นที่ของผู้ค้าเดิม 529 แผง ถูก กทม. พยายามยกเลิกสัญญา โดยอ้างว่าจะพัฒนาเป็นพื้นที่สีเขียว แต่กลับนำไปให้เอกชนประมูลในราคาที่ต่ำมาก ทำให้ผู้ค้าเดิมที่อยู่มานานตั้งแต่สมัย พลตรีจำลอง เดือดร้อนและไม่ได้รับการต่อสัญญา
แม้จะมีมติ ครม. กำหนดค่าเช่าสูงสุดไม่เกิน 1,800 บาทต่อเดือน แต่ตั้งแต่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ มา ค่าเช่าแผงถูกเพิ่มเป็น 2,300 บาท ซึ่งถูกต่อรองจากผู้ค้า ซึ่งจากเดิมเรียกเก็บสูงถึง 2,800 บาท และมีการเก็บค่าบริการอื่นๆ เช่น ค่าส่วนกลาง ค่าเก็บขยะ ค่าขายริมถนน ค่าขายหัวมุม และค่าขายล่วงเวลา ทำให้ผู้ค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมกว่า 4,000 บาทต่อเดือน สำหรับศูนย์อาหาร ค่าเช่าเพิ่มจาก 1,500 บาท เป็น 4,500 บาท ซึ่งขัดมติ ครม.
การต่อสัญญาเป็นไปอย่างลับๆ คลุมเครือ ผู้ค้าต้องยอมรับเนื้อหาของสัญญาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตโดยไม่มีข้อแม้และจะได้เห็นสัญญาจริงในปีถัดไป ในช่วงโควิด-19 มีการต่อสัญญาอัตโนมัติ ซึ่งมีข้อกำหนดค่าปรับ 5% ต่อวันหากจ่ายค่าแผงล่าช้า ผู้ค้าส่วนใหญ่ไม่ทราบเรื่องนี้และถูกเรียกเก็บค่าปรับมหาศาล หลักแสนถึงหลักล้านบาท โดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า
สำหรับห้องน้ำในตลาดมีสภาพไม่เหมาะสมและถูกปิดปรับปรุงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แต่ยังไม่เปิดใช้งาน ทำให้ทั้งผู้ค้าและนักท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่สำคัญแม้จะมีการเก็บค่าบริการ 5 บาท แต่ห้องน้ำที่เปิดใช้งานได้มีน้อยมาก และมีการซ่อมบำรุงในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ตลาดมีผู้คนมากที่สุด นอกจากนี้ยังไม่มีรถสุขาเข้ามาให้บริการตามที่ระบุในสัญญา
คุณหญิงสุดารัตน์ เรียกร้องให้ ป.ป.ช. เร่งรัดการดำเนินการเรื่องทุจริต และได้มอบหมายให้ ดร.ธวัชชัย นำผู้ค้าเข้าพบผู้ว่าฯ กทม. เพื่อหารือและหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเช่าแผง ค่าปรับ และห้องน้ำ เพื่อปัดกวาดความไม่สะอาดในตลาดให้โปร่งใส และจะดำเนินการทางกฎหมายถึงที่สุดหากมีการข่มขู่ผู้ค้าที่มาร้องเรียน
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวถึงปัญหา เศรษฐกิจย่ำแย่ รายรับไม่พอรายจ่าย หนี้ครัวเรือนและหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น (ดอกเบี้ย 240% ต่อปี) รัฐบาลยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนและค่าครองชีพที่แพงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ข้อเสนอคือให้แบ่งเงิน 50,000 ล้านบาทจากงบประมาณดิจิทัลวอลเล็ตมาตั้งกองทุนเครดิตประชาชนให้กู้ดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน เพื่อช่วยประชาชน ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
พร้อมแสดงความห่วงใยต่อภาษีนำเข้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่อาจกระทบเกษตรกรและ SMEs ไทย เช่น การนำเข้าหมู ซึ่งอาจทำให้หมูไทยราคาแพงกว่าและต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม รวมทั้งความเสี่ยงด้านสุขภาพจากสารเร่งเนื้อแดง จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเจรจาอย่างรอบคอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศและหาตลาดใหม่