ยูโอบี แนะรัฐเร่งเจรจาสหรัฐ ลดภาษีเหลือ 20% เท่าเวียดนาม
นายสถิตย์ แถลงสัตยา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจสัมพันธ์ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า อัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ถูกปรับขึ้นเป็น 36% ยังไม่ถือเป็นข้อสรุปแน่นอนจนกว่าจะถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ช่วงเวลานี้จึงเป็นหน้าต่างสำคัญที่ไทยควรเร่งใช้การเจรจาอย่างเต็มที่ เพื่อขอลดอัตราภาษีให้อยู่ในระดับเดียวกับเวียดนามอย่างน้อยที่ 20%
“แม้อัตรา 20% จะยาก แต่ระดับ 25% ถือว่ายังพอรับได้”
นายสถิตย์เปรียบเทียบกรณีเวียดนามที่ต้องยอมรับภาษีนำเข้าสูงจากสหรัฐฯ เพราะพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐ 40% โดย 80% ของยอดส่งออกดังกล่าวมาจากบริษัทต่างชาติที่ตั้งฐานการผลิตในเวียดนาม ขณะที่ไทยยังมีแต้มต่อจากความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ยาวนานกว่า 200 ปี รวมถึงโครงสร้างสินค้าที่มีความหลากหลาย
- เศรษฐกิจไทยโตต่ำ รายได้คนไทยหด
นอกจากนี้ ยังมองว่าไทยมีความเสี่ยงเรื่องเงินฝืดมากกว่า โดยดัชนี GDP Deflator ไตรมาสแรกติดลบไปแล้ว -0.5% ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายว่าสินค้าภายในประเทศราคาลดลง สะท้อนอุปสงค์อ่อนแรงต่อเนื่อง
ยูโอบีมองว่า เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว ภาครัฐควรเร่งผ่อนคลายข้อจำกัดด้านการทำธุรกิจ (Doing Business) เพื่อเอื้อต่อการลงทุน โดยคาดว่า GDP ไทยในปี 2568 จะขยายตัวราว 2% และอาจเติบโตต่ำกว่า 3% ไปจนถึงปี 2573 หากไม่มีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม
ทั้งยังระบุอีกว่า ผลจากภาษีดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำ โดยเฉพาะจากแรงกดดันในภาคการบริโภคที่เผชิญปัญหาโครงสร้างหนี้ และภาคการลงทุนที่ชะลอลงจากความไม่แน่นอน
“ในที่สุด สิ่งที่สะท้อนชัดที่สุดก็คือรายได้ของประชาชนและฐานะทางการเงินจะแย่ลง ตัวอย่างเช่น แทนที่เงินเดือนจะขึ้นปีละ 4–5% อาจเหลือเพียง 2% หรือถูกฟรีซไปเลย”