เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,100-1,128 จุด โดยภาพรวมตลาดขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุน และยังรอติดตามผลการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ หลังการเจรจาสัปดาห์ก่อนยังไม่ได้ข้อสรุป ขณะที่ไทยมีการปรับปรุงและยื่นข้อเสนอใหม่ให้กับสหรัฐฯโดยเปิดให้สหรัฐฯเข้าถึงตลาดสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมได้มากขึ้น ซึ่งต้องติดตามว่าสหรัฐฯจะมีการตอบรับอย่างไร โดยล่าสุดเส้นตายเก็บภาษี 9 ก.ค. ได้ถูกขยับออกเป็น 1 ส.ค. ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสัปดาห์นี้มีไม่มาก โดยไทยจะประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. วันนี้ (ตลาดคาด Headline -0.1% y-y Core +1.1% y-y)
ส่วนต่างประเทศมีตัวเลขเงินเฟ้อจีนและรายงานการประชุม FED ช่วงกลางสัปดาห์ ส่วนปัจจัยการเมืองในประเทศปัจจุบันดูนิ่งขึ้นชั่วคราวในช่วง 1-2 เดือนนี้ระหว่างรอคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญปมถอดถอนนายกฯ อย่างไรก็ตามต้องติดตามคะแนนเสียงและการรักษาองค์ประชุมชองสภาผู้แทนฯต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอาจเป็น Noise ที่เข้ามากระทบ Sentiment โดยสรุปกลุ่มส่งออกอาจเผชิญแรงกดดันระยะสั้นจากประเด็นภาษีทรัมป์ที่ยัง Overhang ขณะที่ Domestic และ Defensive Play มีแนวโน้มทยอยฟื้นตัว
กลยุทธ์ : เลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวและมีแนวโน้มผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือน ก.ค. : ITC, KCE, NEO, OSP, SCGP
FSSIA Portfolio : BA, CENTEL, CPALL, KBANK, MTC, NSL, OSP, PR9, STECON
หุ้นเด่นวันนี้ : ADVANC
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus ที่ 320.43 บาท
• คาดกำไร 2Q25 ยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องที่ราว 1.1 หมื่นลบ. +5% q-q, +30% y-y โดยรายได้คาดว่ายังเติบโตได้ดีและแข็งแกร่งท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่ต้นทุนชะลอลง หนุน EBITDA Margin ปรับตัวดีขึ้น
• ล่าสุดกสทช.รับรองผลการประมูลความถี่แล้ว โดย ADVANC ชนะประมูลคลื่น 2100 MHz มองเป็นบวกระยะยาวจากราคาประมูลที่ต่ำ ประมาณการกำไรปี 2025 ของ Consensus ล่าสุดอยู่ที่ 4.1 หมื่นลบ. +16% y-y ยังเป็นหุ้น Growth+Defensive ที่ดีท่ามกลางความไม่แน่นอน
• แนวรับ 275//267 บาท แนวต้าน 285//295-300 บาท
ด้าน บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินดัชนี SET ผันผวนมีโอกาสย่อตัวจากการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯที่ยังไม่สำเร็จ ประเมินถ้าระดับภาษีออกมาที่ 18-25% SET น่าจะพอรับได้ ประเมินแนวรับ 1,100-1,000 แนวต้าน 1,130-1,140 แต่ถ้าหากออกมาสูงกว่านั้นดัชนีก็มีโอกาสกลับไปทดสอบที่ Low เดิมแถว 1,050 ดังนั้นเลือกลงทุนในกลุ่ม defensive BCH, BDMS, GULF*, ADVANC, BCPG*, ERW*, CPN*
III (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.00 บาท) แนวโน้ม 2Q68 คาดกำไรปกติมีโอกาสฟื้นตัว QoQ, YoY ตามปริมาณขนส่งสินค้าที่กลับสู่ระดับปกติหลังผ่านตรุษจีน ประกอบกับค่าระวางการขนส่งที่ทยอยฟื้นตัวรับผลบวกจากการชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรตอบโต้ออกไป 90 วัน อาจทำให้มีการเร่งส่งออกมากขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก ANI และ AOTGA ยังมีทิศทางเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน โดยธุรกิจบริการภาคพื้นของ AOTGA ได้เปิดให้บริการคลังสินค้าแบบ Multimodal Warehouse ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมถึงมีโอกาสเติบโตได้อีกจากการประมูลผู้ให้บริการภาคพื้นดินของสนามบินสุวรรณภูมิรายที่ 3 ที่จะประกาศผลใน 3Q68 โดยเราคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 68-69 ที่ 487 ล้านบาท +10%YoY และ 563 ล้านบาท +16%YoY
TMAN* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 22.00 บาท) กำไรสุทธิ 1Q68 ออกมาอยู่ที่ 122 ลบ.(-13%YoY, +12%QoQ) การอ่อนตัว YoY มาจาก Produxt Mix ที่เปลี่ยนไป(สัดส่วนยาสูงขึ้น) และแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายด้านการตลาด อย่างไรก็ตาม คาดว่าช่วงที่เหลือของปี การเติบโตของรายได้จะสามารถชดเชยปัจจัยลบดังกล่าวในไตรมาส1 ได้ โดย ทาง TMAN* เอง ตั้งเป้าหมายในระยะ 5 ปีข้างหน้า(68-72) รายได้เติบโตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 10-15% ต่อปี และตั้งเป้าเป็น Top 5 ในตลาด OTC (Over-The-Counter) และ Top 10 ในตลาดร.พ. ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ TMAN* ปี67 และ68 ที่ 491 ลบ.(+9%YoY) และ 544 ลบ.(+11%YoY)
ขณะที่ บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ ผันผวนเรื่องเจรจาการค้า ลุ้นไทยหนัก ให้ผ่านไปได้ด้วยดี โดยตลาดหุ้นไทย ตลาดทั่วโลกและไทย จะมีความผันผวนในเรื่องหลักๆ คือ การประกาศอัตราภาษีและผลการเจรจา ซึ่งผลอาจออกมาได้ทั้งบวกและลบ โดยเฉพาะของไทย ขณะที่จะเริ่มมีแรงเก็งงบ 2Q และเงินปันผลงวดแรกเข้ามา ส่วนตัวแปรสำคัญของไทย คือ บรรยากาศการเมือง ตอนนี้ จะเป็นสูญญากาศ คือ รอคอยความชัดเจน ซึ่งจะทำให้การลงทุนในช่วงนี้ ต้องเน้นเก็งกำไรช่วงสั้นๆ และดักเก็บหุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ ประเมินกรอบดัชนี สัปดาห์นี้ไว้ที่ 1100-1140 จุด
• สัปดาห์สุดท้ายของการเจรจาการค้า ไทยยังเจรจาไม่ผ่าน ต้องกลับมาทบทวน ตลาดอาจมองในทางลบ ส่วนเรื่องจำกัดการขาย Chip ให้ไทย ไม่ได้กระทบต่อการลงทุนในไทย เพราะห้ามแค่การเป็นตัวกลาง ด้าน Trump ทยอยส่งจดหมายแจ้งประเทศต่างๆ เรื่องอัตราภาษีที่จะเรียกเก็บ (ส่วนใหญ่น่าจะลดลงจากที่แจ้งเมื่อ 2 เม.ย.) … รัฐบาลทรัมป์ได้ประกาศข้อตกลงกับหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม คู่ค้ารายใหญ่อย่าง จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหภาพยุโรปยังคงอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลง …… เรามองว่า หากผลการเจรจาของทุกประเทศออกมา โดยเฉพาะจีน หรือไทยเอง แล้วไม่ทำให้คนกังวล น่าจะเป็นเรื่องที่ดีของตลาด
• Fed ถูกกดดันอย่างหนัก ประธานาธิบดี Trump ขอให้ประธาน Fed ลาออก ขณะที่ รมว.คลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ สนับสนุนให้มีการลดอัตราดอกเบี้ยทันที …… จากการศึกษาในเรื่องนี้พบว่า สองฝ่ายมีมุมต่างกัน Fed กลัวเงินเฟ้อ(ที่อาจเกิดจาก Tariff) ส่วนฝั่งรัฐบาล เห็นเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ดอกเบี้ย(พันธบัตร) ยังสูง แรงกดดันนี้ อาจทำให้ Fed ต้อเร่งการปรับลดดอกเบี้ย อย่างช้า เดือน ก.ย.นี้ให้ก่อน
• ราคาน้ำมัน OPEC+ ประชุมผ่านไปแล้ว โดยปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 5.48 แสนบาร์เรล/วัน มากกว่าคาด จึงมี surprise ในทางลบ และซาอุฯ ปรับขึ้นราคาขายน้ำมันดิบให้เอเซีย +$1.0 เหรียญ (เป็น $2.2 เหรียญ) … หุ้นผู้ผลิตน้ำมัน(PTTEP) จะถูกกดดันจาก supply ที่เพิ่มขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง แต่จะดีต่อหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี (SCC, SCGP) ที่จะได้ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง
• ตลาดจะเข้าสู่ฤดูกาลเก็งงบการเงิน 2Q โดยเราประเมินกำไรงวดนี้ จะตกอยู่ในช่วง 2.1-2.3 แสนล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสก่อนที่ 2.82 แสนล้านบาท … หุ้นธนาคารจะรายงานเป็นลำดับแรก ทาง DAOL ประเมินกำไรหุ้นกลุ่มนี้ไว้ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท -2% yoy ; -10 qoq ซึ่งจะใกล้เคียงกับตัวเลข Bloomberg Survey
• Event สัปดาห์นี้ : เงินเฟ้อของไทย(7) (เดือนก่อน -0.6%) เงินเฟ้อของจีน(9) (เดือนก่อน -0.1%) และรายงานประชุม FOMC(9)
#Strategy
• สัปดาห์นี้ จะผันผวนจากตัวแปรสำคัญของผลการเจรจาการค้า ของไทยที่ยังไม่จบ และจีน ด้วย หากออกมาดี ดัชนีฯ ก็มีโอกาสตีกลับขึ้นไปได้อีกครั้ง ….. กลยุทธ์ สลับขายทำกำไรและเก็งกำไรช่วงสั้นๆ โดยเราแนะนำให้เลือกซื้อหุ้นที่ราคาลงมาลึกๆ หรือหุ้นที่ความแข็งแกร่ง และมีปันผลดีไว้ก่อน
• list ของหุ้นที่ราคาลงมาลึก วันนี้ OSP, STA, JMT, CRC, SCGP, HANA, AMATA, SPRC เป็นทางเลือกในการคัดหุ้นเพื่อเก็งกำไรช่วงสั้นๆ ไปจนถึงถึงยาว(ในบางตัว)
• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ BGRIM, CPALL, DELTA* ออก หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย AMATA*(10%), CBG(10%), TOP(10%), KTC*(10%), SCB(10%)
#Technical : CCET, MAJOR
รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้