เห็นไม่เหมือนกัน แห่ตีเลขเด็ด ตะกวด ด้าน ครูคนดัง บอกเห็นชัด 3 ตัว
เห็นไม่เหมือนกัน แห่ตีเลขเด็ด ตะกวด ด้าน ครูคนดัง เห็นชัด 3 ตัว หลังงวดที่แล้ว เจอ ตัวเงินตัวทอง ออกไข่หน้าบ้าน เพื่อน ๆ ได้โชคกันหลายแสนบาท
เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 1 ส.ค.2568 ที่บริเวณริมถนนสายสุวินทวงศ์ (ศรีมหาโพธิ-กบินทร์บุรี) หรือ สาย 304 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี มีผู้พบเห็นตัวตะกวดคาดว่าเป็นลูกตะกวดขนาดลำตัวเท่า 2 นิ้ว ยาว 30 เซนติเมตร มาขึ้นต้นไม้อยู่ริมถนน
พลเมืองดีกลัวว่ามันจะตกลงมา จึงตัดสินใจใช้เชือกคล้องคอตัวตะกวดลงมาจากต้นไม้ และอีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเวลาหวยออกนี้ได้เอาแป้งมาโรยที่ลำตัวของตะกวดซึ่งไม่ทราบว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ซึ่งปรากฏเป็นตัวเลขเห็นบนด้านหลังตัวตะกวด 372 จึงรีบจดและรีบซื้อหวยเนื่องจากวันนี้เป็นวันหวยออก
เห็นไม่เหมือนกัน แห่ตีเลขเด็ด ตะกวด ด้าน ครูคนดัง เห็นชัด 3 ตัว หลังงวดที่แล้ว เจอ ตัวเงินตัวทอง ออกไข่หน้าบ้าน เพื่อน ๆ ได้โชคกันหลายแสนบาท
นายสมบัติ (ขอสงวนนามสกุล) กล่าวว่า เห็นตัวตะกวดปีนขึ้นบนต้นไม้ จึงหาเชือกมัดที่ปลายไม้คล้องคอตัวตะกวดลงมาด้านล่างเพื่อที่จะดูตัวเลข ซึ่งมีความเชื่อว่าอาจจะมาให้โชคหลังจากที่ทาแป้งบนหลังตัวตะกวดตัวน้อยนั้น ปรากฏเห็นเป็นตัวเลขเด่นชัด 372 จึงจดไว้แล้วรีบโทรหาแฟนให้ซื้อเลข 372 ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้เป็นวันหวยออกอาจจะได้รับโชคจากเจ้าตัวตะกวดตัวนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "ก้ามกาม" หรือ ครูกุ้ง พบเห็นตัวเงินตัวทองกำลังออกไข่ 2 ฟองหน้าบ้านยาย จึงได้ถ่ายคลิปลงโซเชียลและมีแฟนเพจและเพื่อน ๆ ถูกเลขเด็ดทั้ง 2-3 ตัวตรง ๆ จำนวนหลายแสนบาท ผู้สื่อข่าวจึงได้ส่งภาพให้ช่วยตีเลขเด็ดนี้ โดยครูกุ้งตีเลขเด็ดตามที่เห็นคือ 874 กับ 974
ด้าน น.ส.สุวินตา (ขอสงวนนามสกุล) นักเสี่ยงโชครายหนึ่ง ตีเลขเด็ด 379 กับ 374 แต่ไม่รู้จะหาซื้อทันหรือไม่ เพราะใกล้ถึงเวลาหวยออกแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า จากกรณีที่ "เหี้ย" (Varanus salvator) ได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่สามารถเพาะพันธุ์ได้อย่างเป็นทางการเมื่อปลายปีที่ผ่านมานั้น
ขอเรียนชี้แจงและทำความเข้าใจแก่ประชาชนทุกท่านว่า การเปลี่ยนแปลงสถานะดังกล่าว ไม่ได้หมายความว่าประชาชนทั่วไปจะสามารถจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยง หรือเพาะพันธุ์เหี้ยได้ทันทีโดยไม่มีข้อกำหนด และไม่ไช่เหี้ยที่อยู่ตามธรรมชาติ แต่เป็นเหี้ยที่อยู่ที่สถานีเพาะเลี้ยงที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเพื่อให้ผู้ได้รับอนุญาตนำไปเพาะขยายพันธุ์เท่านั้น
จากนโยบายดังกล่าว สืบเนื่องจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของเหี้ยในการเป็นสัตว์เศรษฐกิจชนิดใหม่ ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการทั่วประเทศ
จึงได้มีการเร่งดำเนินการในหลายส่วน หนึ่งในนั้นคือการที่คณะกรรมการฯ ได้เห็นชอบ การกำหนดราคาสัตว์ป่าคุ้มครองที่เพาะพันธุ์ได้ (เหี้ย) ซึ่งจะนำไปสู่การออกระเบียบว่าด้วยการกำหนดอัตราเรียกเก็บค่าใช้จ่าย ค่าบริการ หรือค่าตอบแทน และราคาสัตว์ป่า เพื่อเพิ่มรายการเหี้ยไว้ในบัญชีดังกล่าว และจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
ใครบ้างที่สามารถเพาะพันธุ์เหี้ยได้ เน้นย้ำว่า การเพาะพันธุ์เหี้ยเพื่อการค้าหรือเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เท่านั้น โดยผู้ที่สามารถดำเนินการได้คือ ผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าตามกฎหมาย ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
เงื่อนไขสำหรับผู้ที่ประสงค์จะขออนุญาตเพาะพันธุ์มีดังนี้ ผู้ขออนุญาตเพาะพันธุ์ต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตเพาะพันธุ์สัตว์ป่าคุ้มครอง มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่จะทำการเพาะเลี้ยงหรือได้รับการยินยอมจากเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น
และต้องไม่มีประวัติเคยต้องโทษคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ในส่วนของพ่อแม่พันธุ์ ไม่สามารถจับได้เองจากธรรมชาติ เนื่องจากเหี้ยยังมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 จำเป็นต้องซื้อจากสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเท่านั้น และหลังจากมีผู้ได้รับอนุญาตเพาะพันธุ์และมีสัตว์ที่ได้จากการเพาะพันธุ์แล้ว ผู้ขออนุญาตจึงจะสามารถซื้อจากสถานที่เพาะพันธุ์ที่ได้รับอนุญาตนั้นได้
นอกจากนี้ เหี้ยที่ได้จากการเพาะพันธุ์ทุกตัวต้องมีการทำเครื่องหมายโดยการฝังไมโครชิพ เพื่อป้องกันการลักลอบนำมาจากธรรมชาติ เนื่องจากไม่สามารถจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยงเองได้
สิ่งสำคัญที่ประชาชนต้องทำความเข้าใจคือ เหี้ยยังคงเป็น "สัตว์ป่าคุ้มครอง" การจับเหี้ยจากธรรมชาติมาเลี้ยง หรือครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตยังคงเป็นสิ่งที่ "ผิดกฎหมาย" และมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการเพาะพันธุ์ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเพาะพันธุ์เหี้ยเชิงเศรษฐกิจอย่างถูกกฎหมายและยั่งยืน และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ที่สนใจและมีคุณสมบัติตามที่กำหนด
ดังนั้น หากท่านใดสนใจที่จะประกอบอาชีพเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์เหี้ย หรือมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดและขั้นตอนการขออนุญาตได้ที่ ส่วนคุ้มครองสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในเวลาราชการ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และร่วมกันผลักดันให้เหี้ยเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สร้างประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เห็นไม่เหมือนกัน แห่ตีเลขเด็ด ตะกวด ด้าน ครูคนดัง บอกเห็นชัด 3 ตัว
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th