ตลาด IVF/ICSI โตพุ่งทะลุ 6.1 พันล้าน สวนกระแสคนรุ่นใหม่มีลูกช้าลง SAFE Fertility Clinic เดินเกมรุกด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สานฝันสู่การมีบุตร
แม้คนรุ่นใหม่ทั่วโลกจะมีแนวโน้ม “มีลูกช้าลง” จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ แต่ตลาดเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ (Assisted Reproductive Technology: ART) กลับเติบโตสวนกระแสอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการรักษาภาวะมีบุตรยากของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่ามูลค่าตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของไทยในปี 2568 จะขยายตัวแตะ 6.1 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 3.1% จากปีก่อนหน้าสะท้อนความต้องการของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นพ. วิวัฒน์ กว้างคณานุรักษ์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (SAFE Fertility Group PCL) หนึ่งในผู้นำการบุกเบิกเทคโนโลยีเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) ในประเทศไทยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา กล่าวว่า
“เกือบ 20 ปีก่อน ภาวะมีบุตรยากยังเป็นเรื่องใหม่ในสังคมไทย โอกาสประสบความสำเร็จในการรักษามีเพียง 20–30% เท่านั้น เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างทีมแพทย์เฉพาะทาง เพื่อให้คนไทยมีโอกาสได้สัมผัสมาตรฐานการรักษาในระดับสากล โดยไม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ”
ทั้งนี้ ตลาดเด็กหลอดแก้วเริ่มเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการแช่แข็งตัวอ่อนและการตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (PGT) ที่ช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับตัวเลขจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจบริการรักษาภาวะมีบุตรยาก พบว่า ตลาดบริการรักษาภาวะมีบุตรยากของไทยในปี 2568 คาดมีมูลค่าราว 6.1 พันล้านบาท ขยายตัว 3.1% จากความต้องการใช้บริการที่ยังเพิ่มขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สอดคล้องไปกับเทรนด์โลก
ตัวเลข 6.1 พันล้านในปี 2568 ดังกล่าว เป็นมูลค่าตลาดผู้รับบริการชาวไทย คาดว่าจะขยายตัว 2.8% เติบโตจากค่านิยมมีบุตรช้าลง และปัญหาด้านการเจริญพันธุ์ที่มีความซับซ้อนทำให้ต้องพึ่งพาวิธีการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น
ขณะที่สัดส่วนมูลค่าตลาดผู้รับบริการชาวต่างชาติคาดว่าจะขยายตัว 3.5 % โดยมีแรงหนุนจากราคาและคุณภาพบริการของผู้ประกอบการตลาดในเมื่องไทยที่โดดเด่น
นพ. วิวัฒน์ ขยายภาพ ตลาด “IVF/ICSI” เพิ่มเติมว่า ไม่ได้หมายถึงเพียงการทำเด็กหลอดแก้วเท่านั้น แต่ยังครอบ คลุมบริการที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใน Ecosystem ด้านการมีบุตรยาก เช่น การฝากไข่แช่แข็ง การฝากตัวอ่อน การตรวจพันธุกรรมตัวอ่อน รวมทั้งการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมเพื่อป้องกันการถ่ายทอดสู่บุตร เช่น ภาวะดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome) โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) หรือ โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Spinal Muscular Atrophy: SMA) เป็นต้น ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มโอกาสความสำเร็จในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว และมีส่วนช่วยให้ครอบครัวได้มีบุตรที่สุขภาพแข็งแรงมากขึ้น
เห็นได้ชัดว่าการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพันธุศาสตร์และห้องปฏิบัติการทำให้การรักษาด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีตรวจคัดกรองตัวอ่อนก่อนการฝังตัว (Preimplantation Genetic Testing: PGT) ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถเลือกตัวอ่อนที่สมบูรณ์เหมาะสำหรับการย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก เพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
SAFE Fertility Clinic ตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยีนี้จึงได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรหลักกับบริษัทชั้นนำจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมกันพัฒนาและยกระดับบริการทางการแพทย์ โดย SAFE Fertility Clinic เป็นคลินิกและห้องปฏิบัติการแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียที่ได้รับสิทธิ์นำเข้าเทคโนโลยี PGTseq-A ซึ่งเป็นนวัตกรรมการตรวจคัดกรองและวิเคราะห์โครโมโซมตัวอ่อนที่ละเอียด แม่นยำ และตรวจคัดกรองได้ครอบคลุมมากขึ้น เพื่อเสริมในกระบวนการคัดเลือกตัวอ่อนที่เหมาะสมก่อนย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกของคุณแม่
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของ SAFE Fertility Clinic คือ การมีห้องปฏิบัติการพันธุศาสตร์ (Laboratory) ของตนเอง ภายใต้ชื่อ NGG Thailand (Next Generation Genetics Thailand) ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล เพื่อความมั่นใจว่าทุกขั้นตอนตั้งแต่การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน การตรวจพันธุกรรม ไปจนถึงการแช่แข็ง ล้วนดำเนินการภายใต้ระบบควบคุมคุณภาพที่เหมาะสม
ภายใต้การควบคุมของทีมนักวิทยาศาสตร์เพาะเลี้ยงตัวอ่อน (Embryologist) ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลก อย่าง ESHRE (European Society of Human Reproduction and Embryology) ซึ่งเป็นองค์กรการรับรองมาตรฐานด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์จากทวีปยุโรปที่สะท้อนถึงความชำนาญและมาตรฐานวิชาชีพระดับสากล
โดย SAFE Fertility Clinic ยังคงสนับสนุนให้ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ และนักวิทยาศาสตร์เข้าร่วมอบรมสัมมนา และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับองค์กรต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาแนวทางการรักษา และเทคโนโลยีด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ให้ทันกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ระดับโลกอยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคนทั่วไปมีแนวโน้มต้องการมีบุตรน้อยลง และมักเริ่มวางแผนครอบครัวในวัยที่มากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านชีวิตคู่หรือเศรษฐกิจ แต่การมีลูกเมื่ออายุมากขึ้นก็มักมาพร้อมความกังวลทั้งเรื่องคุณภาพไข่และสุขภาพของลูกในอนาคต ทำให้ความต้องการในการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย หลายคนจึงเลือกตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อนฝากไข่แช่แข็ง หรือฝากตัวอ่อนไว้ล่วงหน้าเพื่อเก็บช่วงเวลาที่ร่างกายยังแข็งแรงไว้นำมาใช้ในวันที่พร้อมจะมีครอบครัวอย่างเต็มที่ ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของตลาด IVF ที่เติบโตขึ้นจากค่านิยมใหม่ของคนยุคนี้ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและการวางแผนอนาคตอย่างรอบคอบ
ปัจจุบัน คนไข้ของ SAFE Fertility Clinic แบ่งเป็นชาวไทยและชาวต่างชาติในสัดส่วนราว 50:50 แม้ผู้รับบริการจากบางประเทศอาจจะชะลอตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจแต่ SAFE Fertility Clinic ยังคงได้รับความไว้วางใจจากตลาดต่างประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะอินเดียเวียดนามซึ่งเป็นตลาดที่เติบโตขึ้นและญี่ปุ่น รวมถึงกลุ่มชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (Expats) ที่มองเห็นถึงศักยภาพของเรา และยังคงเดินหน้าขยายโอกาสใหม่ ๆ เพื่อสร้างสมดุลและเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจในระยะยาว
ทั้งนี้ SAFE Fertility Clinic เปิดให้บริการคลินิกเพื่อการมีบุตรครอบคลุม 5 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ สาขาเกษรอัมรินทร์ สาขารามอินทรา สาขาภูเก็ต สาขาขอนแก่น และสาขาศรีราชา ที่พร้อมบริการด้านการมีบุตร ตั้งแต่การ ให้คำปรึกษา การตรวจรักษาและห้องปฏิบัติการด้านการเจริญพันธุ์และการเพาะเลี้ยงตัวอ่อนภายใต้มาตรฐานเดียวกันในระดับสากล
SAFE Fertility Clinic ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและมาตรฐานบริการด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยในเวทีเอเชีย พร้อมสร้างคุณค่าของการให้บริการด้านเวชศาสตร์เจริญพันธุ์ ทั้งในมิติของ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการให้บริการ เพื่อเติมเต็มความฝันให้ทุกครอบครัว
สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ Line : @safefertilitygroup หรือโทร +66 811021000, +66 2 252 3833