“พงศ์กวิน” ลุยทลายแก๊งงาบหัวคิวแรงงานต่างด้าว
"พงศ์กวิน" ลุยทลายแก๊งงาบหัวคิวแรงงานต่างด้าว แฉทำเป็นขบวนการ เชื่อมโยง "บุคคล-นิติบุคคลไทย-เจ้าหน้าที่กัมพูชา" เปิดบัญชีม้า รับเงินทุจริต เป็นล่ำเป็นสัน เตรียมประสาน DSI แลกเปลี่ยนข้อมูลเอาผิดคนทุจริต
นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสร้องเรียนเกี่ยวกับการเรียกเก็บค่าหัวคิวแรงงานต่างด้าว โดยอาศัยช่องว่างของการกำหนดกระบวนการต่อใบอนุญาตทำงาน รวมทั้งยังมีกระแสข่าวว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้มาต่อเนื่อง และได้มีปฏิบัติการณ์บุกค้นบริษัทเอกชนหลายแห่ง โดยได้ยึดอายัดข้อมูลเอกสารและหลักฐานต่างๆ เอาไว้ตรวจสอบ
ก่อนหน้านี้นั้น เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา จึงได้เร่งรัดให้มีการตรวจสอบกรณีนี้โดยละเอียด ซึ่งพบว่ามีความผิดปกติจากการอาศัยช่องว่างการกำหนดเงื่อนไข เกี่ยวกับกระบวนการขอใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว จากข้อกำหนดตามประกาศกระทรวงแรงงานเกี่ยวกับการอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมาและเวียดนาม ซึ่งได้รับอนุญาตให้ทำงานถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568 ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567
นายพงศ์กวิน กล่าวว่า ช่องว่างดังกล่าวเป็นการอาศัยข้อกำหนดตามประกาศกระทรวงแรงงานข้างต้น ซึ่งกำหนดให้แรงงานต่างด้าวจะต้องเดินทางกลับประเทศเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับกระบวนการรับและส่งคนงาน มาใช้กำหนดเงื่อนไขใหม่ด้วยการเปิดให้ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แทนโดยที่แรงงานไม่ต้องเดินทางกลับประเทศต้นทางของตัวเอง ซึ่งมีการดำเนินการแล้วในส่วนของแรงงานชาวกัมพูชา ที่อนุญาตให้นายจ้างหรือบริษัท ที่รับจ้างเป็นผู้ยื่นคำขอต่อใบอนุญาตทำงานของแรงงาน ซึ่งตรวจสอบพบว่ามีการเรียกเก็บค่าหัวคิวการดำเนินการขั้นต่ำหัวละ 2,500 บาท
นายพงศ์กวิน กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่ากรณีนี้มีการทำกันเป็นขบวนการ ผู้กระทำผิดเชื่อมโยงบุคคลและนิติบุคคลในประเทศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศกัมพูชา โดยจะมีนายหน้าคนไทย เป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างนายจ้างและแรงงานต่างด้าวในการเรียกเก็บค่าหัวคิว โดยให้โอนผ่านบัญชีม้าซึ่งเป็นของคนต่างด้าว จากนั้นจะมีการโอนเงิน จากบัญชีม้าต่อไปยังเจ้าหน้าที่สถานทูตและเจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานของประเทศกัมพูชา จากนั้นจึงมีการโอนต่อมายังคนไทยและนิติบุคคลของไทย ซึ่งตรวจสอบพบแล้วรวม 3 ราย
"การดำเนินการของกลุ่มบุคคลและนิติบุคคลทั้งในและนอกประเทศดังกล่าวมีการดำเนินการในลักษณะเป็นขบวนการ เบื้องต้นทราบว่าทางดีเอสไอ อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยประเมินความเสียหายเบื้องต้นจากแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาที่ได้มีการต่อใบอนุญาตไปแล้วก่อนหน้านี้ มีประมาณ 180,000 ราย อาจมีมูลค่ามากถึง 300-400 ล้านบาท จึงจะมีการประสาน ข้อมูลเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด หากพบผู้กระทำผิดเชื่อมโยงไปถึงใครระดับไหนก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานกล่าว
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews