“บิ๊กเต่า” เผยพบข้อมูลวัดพระบาทน้ำพุผิดปกติ แต่ขอเวลาตรวจสอบให้รอบด้าน จนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฎ จ่
วันนี้ (13 ส.ค.68) ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. ,พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ,พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ,พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป. ,พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาฯ ป.ป.ท. และ คณะพนักงานสอบสวน บก.ป. และ บก.ปปป. ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้ากรณี หมอบี แอบอ้างวัดพระบาทน้ำพุ เปิดบัญชีรับบริจาคเงิน
หลังผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า “วันนี้เป็นการประชุมถึงความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว เพื่อเป็นการบูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย ให้ข้อมูลมันรวดเร็วและชัดเจนขึ้น ซึ่งการประชุมข้อมูล ถือว่ามีความคืบหน้าไปบางส่วนแล้ว และบางส่วนยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องของการตรวจสอบหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนจะไม่ชัดเจนเรื่องอะไรนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนและตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน เบื้องต้นก็สอบพยานไปแล้วประมาณ 10-20 ปาก“
เมื่อถามว่ามีความจำเป็นต้องเชิญหลวงพ่ออลงกต เข้ามาสอบปากคำหรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ขอหาหลักฐานเพิ่มเติมก่อน เพราะการที่จะไปพูดคุยกับใคร ก็ควรจะมีข้อมูลในมือ ตอนนี้เราเองก็เสพหน้าสื่อเหมือนกัน ซึ่งก็มีทั้งพูดจริงและไม่จริง แต่ข้อมูลในส่วนของเรา เป็นข้อมูลที่ชัดเจน สามารถที่จะไปพูดคุยและยืนยันได้”
ส่วนประเด็นข้อมูลเรื่องรายรับ-รายจ่ายของวัด ตอนนี้มีข้อมูลบางส่วนแล้ว แต่ยังต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอยู่ และจากการตรวจสอบนั้น ยังไม่ถึงขั้นต้องเข้าไปตรวจสอบหรือค้นวัด เพราะยังต้องตรวจสอบในหลายมิติไปในคราวเดียวกัน
เมื่อถามว่ามีรายงานข่าวว่าวัดอาจจะทุจริตมานานกว่า 20 ปีแล้ว แต่ทำไมเรื่องถึงเพิ่งจะแดงนั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ บอกว่า “ต้องท้าวความไปถึงเมื่อ 30 ปีก่อน เมื่อช่วงโรคเอดส์กำลังดัง ช่วงนั้นเราก็มองว่าวัดพระบาทน้ำพุ เป็นที่พึ่ง เป็นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจริงๆ เพราะฉะนั้นเราจึงมองข้ามไปในหลายเรื่องที่มันเกิดขึ้น แต่ภายหลังพอมันเริ่มมียารักษา ค่ารักษามันก็น้อยลง แต่การบริจาคมันกลับเพิ่มขึ้น เพราะมีหลายมูลนิธิที่มีการเปิดรับบริจาคผ่านทางออนไลน์ พร้อมทั้งตั้งทุนทำในหลายๆ เรื่อง เราจึงมองว่ามันผิดปกติ ในการที่วัดต้องมาหารายได้ ซึ่งก็เข้ามามหาศาล และเป็นการที่เอาเงินมหาศาลไปฝากหลายคน การที่หลวงพ่อทำความดีเรื่องโรคเอดส์ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ภายหลังพอมียอดเงินมหาศาลไหลไปหลายช่องทาง เราก็ต้องกลับไปทบทวนหาข้อเท็จจริงมาประกอบว่าในช่วง 10-20 ปีหลังมันเกิดอะไรขึ้น”
ส่วนข้อมูลที่อดีตพยาบาลเคยเข้าไปทำงานภายในวัด ก่อนโดนขู่ให้ออกนั้น เรื่องนี้เจ้าหน้าที่ทำงานไปพอสมควรแล้ว รวมไปถึงผู้ถือครองที่ดินของวัดที่ไม่ใช่ชื่อวัด เราได้พูดคุยกันทั้งหมด ทุกเรื่องต่างๆ เชื่อว่าทางกองปราบเอง เขาดำเนินการไปได้เยอะ
เมื่อถามย้ำว่าการพูดคุยในวันนี้ วัดถือว่ามีความผิดปกติหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “มีความผิดปกติ แต่เราต้องหาข้อมูล เราต้องมองทุกมิติ ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ เราได้มาคุยแบ่งงานกันในวันนี้ และได้รายงานให้ผู้บัญชาการทราบแล้ว ว่าเรามีแนวทางการดำเนินการอย่างไร วันนี้จึงถือว่าเป็นการเริ่มทำงานร่วมกัน 2 หน่วย แค่เราต้องไปหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เชื่อว่าอีกไม่นานจะมีความชัดเจน”
ส่วนหลังจากนี้วัดจะดำเนินการขอรับบริจาคหรือทำอะไรนั้น สามารถทำได้ตามปกติ เป็นเรื่องของวัด เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไป โดยเรื่องทรัพย์สินต่างๆ ทาง ปปง. ยังไม่ได้เข้ามาดำเนินการอะไร ให้การทำงานมันมีหลักฐานเพียงพอก่อน
ขณะที่ในส่วนของหมอบีหรือเลขาฯ เราได้ข้อมูลมาพอสมควรแล้ว แต่ในส่วนที่เกี่ยวข้อง มันจะเชื่อมโยงกันหรือไม่ ก็ต้องขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน ยืนยันว่าเรื่องมีความขึ้นหน้าไปเยอะ แต่เราต้องดูทุกมิติ ขอให้ใจเย็นๆ สักนิด เพราะเรื่องมันเกิดต่อเนื่อง 20-30 ปี มันต้องมีอะไรที่เชื่อมโยง บางส่วนเราก็ทำไปเยอะแล้ว และยังมีบางส่วนที่เรามองข้ามไป วันนี้จึงเป็นการเสริมข้อมูลบางเรื่องเข้าไปในสำนวน ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของคำให้การของหมอบีและเลขาฯ ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ ส่วนจะพูดเรื่องความผิดปกติของวัดหรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องในสำนวน
รวมไปถึงเรื่องของเส้นทางการเงินเราก็จะทำย้อนหลังไปในช่วงก่อนปี 2562 เพราะเราจะทำให้พยานหลักฐานมันชัดเจน และยืนยันชัดว่าสิ่งที่เราทำไม่เกิดความผิดพลาด สามารถตอบกลับสังคมได้ อย่างกรณีของวัดไร่ขิง โอนเงินไปเป็นพันล้าน เราได้ดำเนินการต่างกรรมต่างวาระ แต่ทุกกรรมต้องมีความชัดเจนในตัวของ เพราะฉะนั้นเรากำลังทำทุกอย่างให้มันชัดเจนและไม่คลุมเครือ
เมื่อถามย้ำว่าคำให้การของหมอบี ส่อไปถึงการทุจริตภายในวัดหรือไม่นั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ บอกว่า “ถ้าเราวิเคราะห์จากพยานหลักฐาน มันก็หมิ่นเหม่ในข้อกฎหมาย แต่จะไปถึงขั้นทุจริตเลยหรือไม่นั้น อย่าเพิ่งไปพูดว่าทุจริตหรือฉ้อโกงประชาชนอะไรเลย เราไม่อยากประโคมไปขนาดนั้น แต่ถ้าข้อมูลที่เห็นกันตามหน้าสื่อ มันก็หมิ่น แต่สำหรับเท่าที่เราดูข้อมูลวันนี้มาแล้ว เราไปได้ไกลพอสมควร”
ส่วนประเด็นหมายเรียกหมายจับ ติดตรงไหนนั้น พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ระบุว่า “เรากำลังทำงานให้สมบูรณ์แบบ ถ้าเราทำไปแล้ว มันยังตอบโจทย์ไม่ได้ เราต้องชะลอการทำงานไว้ก่อน แต่การทำงานของเรา ถือว่าเราทำแล้ว มันต้องชี้แจงกับพี่น้องประชาชนได้ ไม่ใช่ว่าทำมาแล้ว ยังตอบคำถามไม่ได้ ส่วนกังวลหรือไม่เรื่องการยักย้ายถ่ายโอนหรือแก้อะไรที่สะสมมานานนั้น มองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการแก้อะไรใหม่ ก็ไม่พ้นสิ่งที่เราทำไป ไม่ต้องห่วง ขอเวลาสักหน่อย เรื่องคืบหน้าไปเยอะแล้ว“