โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เปิดคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เหตุผลเพิ่มโทษ ‘ลุงพล’ องศาตัดผม ‘น้องชมพู่’ มัดแน่น

ไทยโพสต์

อัพเดต 15 สิงหาคม 2568 เวลา 20.45 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เปิดเหตุผลเพิ่มโทษ 'ลุงพล' ฆ่าน้องชมพู่ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ชี้หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์องศาตัดเส้นผมมัดแน่น ข้อต่อสู้มีพิรุธเพียบ มีเจตนาฆ่าเล็งเห็นผล ชดใช้ 2.55 ล้าน

15 ส.ค. 2568 - จากกรณีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาเเก้เพิ่มโทษนายไชย์พล วิภา ในคดีฆ่าน้องชมพู่ เป็น 26 ปี รายละเอียดเหตุผลคำพิพากษามีดังต่อไปนี้

สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหารเป็นโจทก์ ฟ้องนายไชย์พล หรือพล วิภา เป็นจำเลยที่ 1 และนางสาวสมพร หรือแต๋น หลาบโพธิ์ เป็นจำเลยที่ 2 ในฐานความผิดต่อชีวิต ความผิดต่อเสรีภาพ ทอดทิ้งเด็ก และความผิดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กล่าวคือ

จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 317

จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และกระทำความผิดฐานทอดทิ้งเด็กอายุยังไม่เกิน 9 ปี ไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 306, 308 และจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันเคลื่อนย้ายศพผู้ตายในประการที่จะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา และนายอนามัย วงศ์ศรีชา ผู้เสียหายทั้งสองยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม

ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมเฉพาะข้อหาฆ่าผู้อื่น ข้อหาพรากเด็ก และข้อหาทอดทิ้งเด็ก และโจทก์ร่วมทั้งสองขอให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพ และค่าขาดไร้อุปการะ

คดีนี้ศาลจังหวัดมุกดาหารพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี จำคุก 10 ปี รวมจำคุก 20ปี ข้อหาอื่นให้ยก ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ยกฟ้อง และให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 2

โจทก์ โจทก์ร่วมทั้งสอง และจำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิจารณาพยานหลักฐานในสำนวนคดีแล้ว มีความเห็นโดยสรุปว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคดีนี้เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานไปตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเหตุให้ระแวงสงสัยว่ามีการปั้นแต่งพยานหลักฐานเท็จเพื่อใส่ร้ายผู้ใดโดยไม่มีมูลความจริง แม้ไม่มีประจักษ์พยานมาเบิกความ

แต่เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แวดล้อมคดีใกล้ชิดกับเวลาและสถานที่เกิดเหตุแล้ว เชื่อว่า ผู้ตายไม่อาจเดินไปบนยอดเขาภูเหล็กไฟที่พบศพได้ด้วยตนเองเป็นแน่ และไม่ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนเองออก แต่มีคนร้ายพาตัวผู้ตายขึ้นไปบนเขาภูเหล็กไฟ และตัดผมผู้ตาย รวมถึงถอดเสื้อผ้าและกางเกงของผู้ตายออกเพื่ออำพรางคดี

เมื่อพิจารณาประกอบกับการที่มีพยานแวดล้อมเห็นจำเลยที่ 1 อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ อีกทั้งพยานหลักฐานที่ได้รับการตรวจพิสูจน์ด้วยวิธีการที่น่าเชื่อถือทางวิทยาศาสตร์ยังบ่งชี้ว่า รอยตัดเส้นผมหรือเส้นขนที่อยู่ในรถยนต์ของจำเลยที่ 1 มีองศาเดียวกันกับรอยตัดเส้นผมหรือเส้นขนบริเวณที่พบศพผู้ตาย คือ มีรอยเฉียง 26 องศา เท่ากัน รวมถึงครอบครัวของโจทก์ร่วมทั้งสองกับจำเลยทั้งสองเคยมีสาเหตุไม่พอใจกันมาก่อน

ประกอบกับพยานหลักฐานอื่น ๆ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยเล็งเห็นผล พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 1 นำสืบมามีพิรุธหลายประการ ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1 ยังไม่เพียงพอให้รับฟังหักล้างพยานโจทก์และโจทก์ร่วมทั้งสอง

ส่วนจำเลยที่ 2 พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยตามสมควร ให้ยกฟ้อง

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ฐานทอดทิ้งเด็กเป็นเหตุให้เด็กที่ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย ฐานพรากเด็ก และฐานร่วมกันกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น รวมจำคุก 26 ปี ให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมที่ 1 เป็นเงิน 1,350,000 บาท และชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมที่ 2 เป็นเงิน 1,200,000 บาท

อนึ่ง ภายหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีการยื่นคำร้องขอให้ปล่อยตัวจำเลยที่ 1 ชั่วคราวระหว่างการใช้สิทธิยื่นฎีกา ศาลจังหวัดมุกดาหารมีคำสั่งให้ส่งคำร้องศาลฎีกาพิจารณา ซึ่งภายหลังศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อความรู้สึกด้านลบต่อสังคม ทั้งศาลอุทธรณ์ภาค 4 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนดถึง 26 ปี นับว่าเป็นโทษสถานหนัก หากได้รับการปล่อยชั่วคราวอาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยจำเลยที่ 1 ชั่วคราวในระหว่างฎีกายกคำร้อง.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘หมอมิ้ง’ เผยแล้ว ‘อิ๊งค์’ ไปศาลรัฐธรรมนูญ 21 ส.ค.นี้ หรือไม่

32 นาทีที่แล้ว

อหิวาตกโรคระบาดรุนแรงในซูดาน คร่าชีวิตอย่างน้อย 40 คนต่อสัปดาห์

39 นาทีที่แล้ว

‘ควิกแสบ’ ปล่อยหมัดเด็ด อัดแคมเปญเขย่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป

47 นาทีที่แล้ว

กัมพูชาจัดฉากต้มกันเอง! ทบ. ยืนยันรั้วลวดหนามฝั่งไทยยังสมบูรณ์ ขออย่าเชื่อข่าวปลอม

48 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ทบ.ยัน เฟคนิวจากฝ่ายกัมพูชา ภาพรื้อลวดหนาม ใกล้ปราสาทตาเมือนธม

News In Thailand

"ทักษิณ" มอบ "รองเท้าป้องกันสะเก็ดระเบิด" ให้ "EOD - ทหารชายแดน " ใช้ในภารกิจ

Thai PBS

มติ ปชน.โหวตคว่ำงบฯ 69 ติงหลายโครงการ แนะแล้วไม่ปรับปรุง

กรุงเทพธุรกิจ

พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล โต้ปมเขมรกล่าวหาใช้อาวุธเคมี ลั่น รำคาญการแสดงออกอีกฝ่าย

มุมข่าว

‘สุชาติ’ เผย ยังไม่ได้รับรายงานผลสอบวัดพระบาทน้ำพุ หลังสั่ง ‘สำนักพุทธ’ ลงพื้นที่

เดลินิวส์

ศิริกัญญา แถลงพรรคประชาชนคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 69

ประชาชาติธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม