‘น.ช.ทักษิณ’ รีเทิร์น
ครับ….
อย่างน้อยต้องชื่นชม “ทักษิณ ชินวัตร” ที่เคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมเดินทางไปศาลทั้งๆ ที่รู้ว่าโอกาสติดคุกมีสูงมาก
และสุดท้ายยอมรับโทษติดคุก ๑ ปี
แม้ก่อนหน้านี้ได้ใช้ทุกสรรพกำลังในการหลีกเลี่ยงไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่การกระทำนั้นได้ย้อนมาสร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้ “ทักษิณ”
แทบทุกอย่างที่สร้างมาพังพินาศคาตา
คุกคือที่คุมขังนักโทษ มิใช่สถานขัดเกลาให้ผู้ทำผิด คนชั่ว กลับตัว กลับใจ ฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าคนเข้าคุกแล้วออกมาจะกลายเป็นคนดีทุกคน
“ทักษิณ” ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ฉะนั้นอย่าแปลกใจที่โพสต์สุดท้ายของ “ทักษิณ” ก่อนเข้าคุกจริง เป็นการบอกกับมวลชนว่า พร้อมรีเทิร์น เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
“…พี่น้องประชาชนที่เคารพ
ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้พระราชทานอภัยลดโทษจำคุกแก่ผมคงเหลือเวลา ๑ ปี นับเป็นพระมหากรุณาที่คุณอย่างหาที่สุดไม่ได้ ต่อทั้งตัวผม และครอบครัว
ผมขอน้อมรับและพร้อมเข้าสู่กระบวนการตามคำพิพากษาในวันนี้
ตลอดระยะเวลาของการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่ปี ๒๕๔๔-๒๕๔๙ ผมพยายามผลักดันทุกนโยบายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทย ให้พรรคการเมืองแข่งขันกันด้วยนโยบาย สร้างประชาธิปไตยที่กินได้จากผลงานของรัฐบาลที่ทำได้จริง ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุดในฐานะนักการเมืองจากการเลือกตั้งของประชาชน
แม้ว่าทุกคดีจะเกิดขึ้นหลังการรัฐประหารรัฐบาลของผมเมื่อปี ๒๕๔๙ แต่วันนี้ผมขอมองไปข้างหน้า ให้ทุกอย่างที่ผ่านมามีข้อยุติ ทั้งการต่อสู้คดีตามกฎหมาย และความขัดแย้งใดๆ อันเกิดขึ้นหรือเกี่ยวข้องกับตัวผม
ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้การสนับสนุนตลอดมา ขอบคุณนักการเมือง สมาชิกพรรคเพื่อไทย และเพื่อนมิตรทั้งหลายที่เคียงข้างกัน ทั้งในยามสุขและยามยาก ผมตัดสินใจเลือกทางเดินนี้ เพื่อส่งกำลังใจให้ทุกคนเดินไปข้างหน้า ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ด้วยอุดมการณ์และจิตวิญญาณที่เรามีร่วมกันมา จนกว่าจะถึงวันที่เราได้เดินร่วมทางกันอีกครั้ง
จากวันนี้แม้ผมจะไร้อิสรภาพ แต่ยังมีเสรีภาพทางความคิดเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ผมจะรักษาความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ รับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ แผ่นดินไทย และประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะในสถานะใดนับจากนี้
ขอบคุณครับ…”
ใจความต่างกับข้อความในหนังสือถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษอยู่เยอะพอสมควร
“ทักษิณ” กลับมาย้ำว่าความผิดที่ตัวเองได้รับล้วนเป็นผลพวงจากการทำรัฐประหาร
พูดง่ายๆ ถูกยัดข้อหาโดยคณะรัฐประหาร
ในการขอพระราชทานอภัยโทษ “ทักษิณ” ยอมรับว่าทำผิด และ “สำนึก” ผิด
ข้อความนี้ถือเป็นใจความสำคัญ
เพราะคนทำผิดจะได้รับการอภัยหรือไม่ อย่างน้อยๆต้องยอมรับผิดและสำนึกในความผิดนั้นก่อน แต่ “ทักษิณ” ไม่เคยคิดว่าตัวเองผิด
คดีความต่างๆ “ทักษิณ” มองเป็นเรื่องการกลั่นแกล้งทางการเมืองทั้งนั้น
การไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียวก็มีพื้นฐานจากความคิดที่ว่า โดนกลั่นแกล้งทางการเมือง
“ทักษิณ” กลับมาติดคุกครั้งนี้ จึงไม่ได้เกิดจากการสำนึกในความผิด
แต่เป็นสถานการณ์บังคับ “ทักษิณ” จำต้องเลือก
ระหว่างจุดสิ้นสุดของระบอบทักษิณ กับ รอวันฟื้น
การหนีตลอดชีวิตคือจุดจบระบอบทักษิณ
กลับกัน ยอมติดคุก ๑ ปี เพื่อรักษาขุมกำลังทางการเมืองไว้
ไม่ต้องคิดนาน อย่างหลังย่อมคุ้มค่ากว่า
แต่…เวลาไม่คอยใครครับ การเมืองไทยมีความเป็นพลวัตสูง
“ทักษิณ” เคยสร้างพรรคไทยรักไทยยิ่งใหญ่ เป็นรัฐมนตรีพรรคเดียว ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น จนกลายเป็นเผด็จการรัฐสภา
จากไทยรักไทย
พลังประชาชน
มาถึงเพื่อไทย ลมหายใจระบอบทักษิณอ่อนลงเรื่อยๆ จึงไม่แปลกที่ “ทักษิณ” มักโหยหาอดีตทางการเมืองอันยิ่งใหญ่ของตัวเองมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันนี้
ยังคิดพาพรรคเพื่อไทยกลับไปสู่จุดที่พรรคไทยรักไทยเคยเป็น
มันจบแล้วครับนาย…
จบตั้งแต่วันที่ “เนวิน” กระซิบข้างหู
การเมืองเป็นของคนอีกยุคแล้ว
วันนี้สถานภาพของ “ทักษิณ” กลับไปใช้คำนำหน้า “น.ช.” อีกครั้ง
ภาพ “น.ช.ทักษิณ” นั่งในรถขนนักโทษของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากศาลฎีกามุ่งหน้ายังเรือนจำกลางคลองเปรม เป็นสัญญาณเตือนไปยังนักการเมืองทุกคน
ต่อให้ยิ่งใหญ่แค่ไหนสุดท้ายคือคุก
เมื่อวานนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวมูลค่ากว่า ๒ พันล้าน วันนี้นั่งรถขนนักโทษ อย่าคิดว่าเป็นไปไม่ได้
ครับ…มีข้อความแชร์กันในหมู่สาวกส้ม ทั้งหัวดำหัวขาว แชร์กันต่อเป็นลูกโซ่ เชื่อเป็นตุเป็นตะไม่เว้นกระทั่งผู้นำทางจิตวิญญาณอย่าง “สุชาติ สวัสดิ์ศรี”
การเข้าไปอยู่ในคุกของ "น.ช.ทักษิณ” คือผลงานของพรรคส้ม
“…พรรคประชาชนสร้างผลงานชิ้นโบว์แดงตรวจสอบชั้น ๑๔ จริงจังจนส่งทักษิณเข้าคุกได้ในที่สุด เราจะรอดูต่อไปว่าพรรคที่ยึดหลักการอย่างยิ่งยวดนี้จะส่งประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ทำรัฐประหารและให้กำเนิด รธน. ๒๕๖๐ เข้าคุกแบบทักษิณได้หรือไม่…”
หน้าไม่อาย!
นักการเมืองพรรคส้มที่เตะเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องมีอยู่ไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือ “รังสิมันต์ โรม”
แต่ถ้าเทียบบทบาท “รังสิมันต์ โรม” กับ “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” ไม่ติดขี้ตีน!
“ชาญชัย” คือบุคคลที่สมควรได้รับการยกย่องมากที่สุดในการตรวจสอบ “ทักษิณ”
กัดไม่ปล่อย
ตามตั้งแต่ต้นจนจบ
“ชาญชัย” เพียรพยายามยื่นคำร้องกรณีนักโทษเทวดาชั้น ๑๔ ต่อศาลอยู่หลายครั้ง
ขณะที่นักการเมืองพรรคส้มชักเข้าชักออกเพราะติดหล่ม “นิติสงคราม” ซึ่งเป็นภาพหลอนที่ตัวเองสร้างขึ้นมา
จับ “ลุงตู่” เข้าคุก ไม่ทราบใช้อวัยวะส่วนไหนคิด
เลิกเพ้อฝันแล้วหันมองความจริงเสียที
รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ ฉีกหน้ากากนักการเมืองไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ละเมิดจริยธรรมร้ายแรงมาหลายคนแล้ว
กลไกตรวจสอบนักการเมืองทำงานเต็มพิกัด
แล้วจะแส่หารัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาทำบิดาอะไรกัน
เอาไว้พรรคส้มมีอำนาจครับ รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ จะทำงานหนักยิ่งกว่านี้
ไม่เชื่อก็คอยดู.