พร้อมหรือไม่ ? ปูตินพบเซเลนสกี เปิดเบื้องหลังเงื่อนไขที่ยากจะบรรจบ
วันนี้ (20 ส.ค.2568) การหารือระหว่าง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และ ปธน.วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่จัดขึ้นในอะแลสกาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ที่ผ่านมา ไม่ได้นำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในสงครามยูเครนตามที่คาดหวัง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายดูเหมือนเห็นพ้องถึงความเป็นไปได้ในการจัดประชุมทวิภาคีระหว่าง ปูติน-เซเลนสกี แห่งยูเครน เพื่อหาทางออกให้กับความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีครึ่ง อย่างไรก็ตาม ท่าทีจากรัสเซียยังคงคลุมเครือ และมีสัญญาณว่า "ยังไม่พร้อ" สำหรับการประชุมดังกล่าว
ทำไมปูตินยังไม่ยอมนั่งโต๊ะเจรจากับเซเลนสกี ?
ยูรี อูชาคอฟ ที่ปรึกษาเครมลิน ระบุว่าการหารือระหว่างทรัมป์-ปูติน ได้พูดถึง "แนวคิด" การจัดการประชุมทวิภาคีระหว่างตัวแทนระดับสูงของรัสเซียและยูเครน แต่ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าเป็นการพบกันระหว่างปูตินและเซเลนสกีโดยตรง
ด้าน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวเสริมว่า รัสเซียไม่ปฏิเสธการเจรจาไม่ว่าจะในรูปแบบทวิภาคีหรือไตรภาคี แต่การประชุมระดับผู้นำต้องมีการเตรียมการอย่างรอบคอบ ซึ่งในภาษาการทูตของเครมลินบ่งชี้ว่า รัสเซียยังไม่พร้อม สำหรับการพบปะระหว่างปูตินและเซเลนสกีในขณะนี้
แคลร์ เซบาสเตียน นักวิเคราะห์จาก CNN ชี้ว่า ความไม่พร้อมนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เนื่องจากปูตินมองว่าการนั่งเจรจากับเซเลนสกีเท่ากับเป็นการยอมรับความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์
เพราะปูตินเริ่มสงครามในยูเครนด้วยการประกาศรับรอง สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ และ สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ เป็นรัฐเอกราชฝ่ายเดียวในปี 2565 โดยมองว่ายูเครนเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และจิตวิญญาณของรัสเซีย การยอมรับเซเลนสกีในฐานะผู้นำที่ชอบธรรมจึงขัดแย้งกับแนวคิดดังกล่าว และยากที่จะอธิบายต่อประชาชนรัสเซียที่ได้รับการปลูกฝังผ่านสื่อของรัฐว่าเซเลนสกีเป็น "นาซี" และยูเครนเป็น "รัฐหุ่นเชิดของตะวันตก"
ทาเทียนา สตานอวายา ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียจาก Carnegie Russia Eurasia Centre ระบุว่า ปูตินอาจจะยอมพบเซเลนสกี ก็ต่อเมื่อมั่นใจว่าการประชุมจะประสบความสำเร็จ ซึ่งหมายถึงการที่ยูเครนต้องยอมรับข้อเรียกร้องหลักของรัสเซีย ดังนี้
- ยอมสละดินแดน - รัสเซียต้องการให้ยูเครนถอนทหารออกจากภูมิภาค โดเนตสค์ และ ลูฮันสค์ ทั้งหมด รวมถึงพื้นที่ที่ยูเครนยังควบคุมอยู่ เช่น เมืองสโลเวียนสก์และครามาทอร์สก์ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญ
- ห้ามเข้าร่วม NATO - รัสเซียเรียกร้องให้ยูเครนละทิ้งการสมัครเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) อย่างถาวร
- จัดการเลือกตั้งใหม่ - รัสเซียเสนอให้ยูเครนจัดการเลือกตั้งก่อนลงนามสนธิสัญญาสันติภาพ ซึ่งอาจเป็นการกดดันให้เปลี่ยนตัวผู้นำ
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกีปฏิเสธข้อเรียกร้องเหล่านี้ทั้งหมด โดยยืนยันว่า การยอมสละดินแดนขัดต่อ รัฐธรรมนูญยูเครน ซึ่งกำหนดว่าการเปลี่ยนแปลงเขตแดนต้องผ่านการลงประชามติ และผลสำรวจจาก Kyiv International Institute of Sociology (KIIS) แสดงให้เห็นว่าชาวยูเครนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับการเสียดินแดนให้รัสเซีย
นอกจากนี้ เจเรมี ปิซซี นักกฎหมายระหว่างประเทศและที่ปรึกษากฎหมายของ Global Rights Compliance มูลนิธิสิทธิมนุษยชน ระบุว่า แม้จะมีการลงประชามติ การยอมรับการผนวกดินแดนโดยใช้กำลังยังคงผิดกฎหมายตาม กฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งห้ามการใช้กำลังเพื่อยึดครองดินแดนอย่างเด็ดขาด
ปูตินได้เปรียบโดยไม่เสียสละอะไรเลย
การประชุมที่อะแลสกา ถือเป็นชัยชนะทางการทูตของปูติน โดยเขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทรัมป์ โดยที่ไม่ต้องยอมรับข้อเรียกร้องใด ๆ เช่น การหยุดยิงที่ทรัมป์เคยผลักดัน นอกจากนี้ รัสเซียยังคงเดินหน้าการโจมตีในยูเครนต่อไป เฉพาะในเดือน ส.ค.2568 รัสเซียยิง โดรน 270 ลูก และ ขีปนาวุธ 10 ลูก เพื่อกดดันยูเครน แม้จะลดการโจมตีด้วยโดรนลงเล็กน้อยในช่วงต้นเดือน
การที่ทรัมป์ยกเลิกการเรียกร้องให้หยุดยิงก่อนเจรจาสันติภาพ และการคลายมาตรการคว่ำบาตร ทำให้ปูตินอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบโดยไม่ต้องเสียสละอะไร
สตานอวายา วิเคราะห์ว่า ปูตินไม่มีแรงจูงใจที่จะเจรจาในขณะนี้ เนื่องจากรัสเซียยังสามารถใช้กำลังทหารเพื่อกดดันยูเครนและรักษาความได้เปรียบในสนามรบ การประชุมในอะแลสกาถูกมองว่าเป็น "ชัยชนะ" ในมุมมองของสื่อรัสเซีย โดย ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ระบุว่า การเจรจาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่ารัสเซียสามารถเจรจาได้โดยไม่มีเงื่อนไข และภาระในการหาข้อยุติถูกโยนไปที่ยูเครนและยุโรป
ยูเครน-ยุโรปต้องการ "หยุดยิง"
ยูเครนและพันธมิตรยุโรปยืนยันว่า การหยุดยิง เป็นขั้นตอนแรกที่จำเป็นก่อนการเจรจาสันติภาพถาวร เพื่อหยุดการสูญเสียชีวิตและเปิดโอกาสให้มีการเจรจาที่สร้างสรรค์
การหยุดยิง หมายถึงการยุติการสู้รบชั่วคราว โดยแต่ละฝ่ายยังคงควบคุมพื้นที่ในปัจจุบัน เพื่อส่งเสริมการเจรจา การส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการอพยพพลเรือน เซเลนสกีระบุว่า การหยุดยิงเป็น "ก้าวสำคัญ" เพื่อหยุดการฆ่าฟัน และต้องมาก่อนการเจรจาเรื่องสันติภาพถาวร
ในทางกลับกัน ข้อตกลงสันติภาพถาวร ที่รัสเซียผลักดัน ซึ่งรวมถึงการยอมสละดินแดนและห้ามยูเครนเข้าร่วม NATO ถูกมองว่า ผิดกฎหมาย ตามกฎบัตรสหประชาชาติ เนื่องจากเป็นการยึดครองดินแดนโดยใช้กำลัง ยุโรป โดยเฉพาะผู้นำอย่าง แอมานูแอล มาครง ปธน.ฝรั่งเศส และ แฟรดริก เมิร์ซ นายกฯ เยอรมนี ย้ำว่า ยูเครนต้องมีส่วนร่วมในทุกการเจรจา และการเปลี่ยนแปลงเขตแดนโดยใช้กำลังเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
ยูเครนแสดงความพร้อมที่จะยอมรับความจริงในสนามรบชั่วคราว เช่น การตรึงแนวรบตามสถานการณ์ปัจจุบันในระหว่างการหยุดยิง เพื่อหยุดความรุนแรง แต่ยืนยันว่าจะไม่ยอมรับการผนวกดินแดนอย่างถาวร และยังคงมุ่งหวังทวงคืนดินแดนทั้งหมดในอนาคต โอเล็กซานเดอร์ เมรซโก สมาชิกสภายูเครน ระบุว่า การเข้าร่วม NATO เป็นการรับประกันความมั่นคงที่ดีที่สุด และปูตินกลัวสิ่งนี้มากที่สุด
แต่ปูติน-ทรัมป์ต้องการ "ข้อตกลงสันติภาพถาวร"
ทรัมป์เปลี่ยนท่าทีจากเดิมที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที มาเป็นการสนับสนุน ข้อตกลงสันติภาพถาวร ตามแนวคิดของรัสเซีย โดยตั้งคำถามว่า "การหยุดยิงยังจำเป็นหรือไม่ ?" หากสามารถบรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมกว้างกว่าได้ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในยูเครนและยุโรปว่า ทรัมป์อาจกำลังสนับสนุนวิสัยทัศน์ของรัสเซีย โดยกดดันให้เซเลนสกี "ยืดหยุ่น" ต่อข้อเรียกร้องของปูติน เช่น การยอมสละดินแดน
ทรัมป์ยอมรับว่า การเจรจาครั้งนี้ยากกว่าที่คาด โดยอ้างถึงคำสัญญาในช่วงหาเสียงว่าเขาจะยุติสงครามยูเครนได้ภายใน 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เขายังคงมองโลกในแง่ดีว่ามีโอกาสดี ที่จะจัดการประชุมทวิภาคีระหว่างปูตินและเซเลนสกี แม้จะยอมรับว่ายังไม่มีท่าทีที่จะสำเร็จตามที่หวังไว้ก็ตาม
การประชุมทวิภาคีระหว่าง ปูติน-เซเลนสกี ยังคงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจาก ความขัดแย้งในเป้าหมายของแต่ละประเทศที่รัสเซียต้องการให้ยูเครนยอมสละดินแดนและละทิ้ง NATO ซึ่งยูเครนและยุโรปมองว่าเป็นการยอมจำนนที่ผิดกฎหมาย ปิซซี นักกฎหมายระหว่างประเทศ ชี้ว่า รัสเซียมีประวัติโจมตียูเครนมากว่า 10 ปี และมักแสร้งเจรจาด้วยความสุจริตใจ ขณะที่ยังคงผลักดันเป้าหมายที่ผิดกฎหมาย
สถานการณ์ปัจจุบัน รัสเซียยังคงได้เปรียบทางทหาร โดยควบคุมพื้นที่ประมาณร้อยละ 20 ของยูเครน รวมถึงส่วนใหญ่ของลูฮันสค์และร้อยละ 70 ของโดเนตสค์ ทำให้ปูตินไม่รีบร้อนที่จะเจรจา
การหยุดยิงชั่วคราว แบบที่ยูเครนและนุโปรต้องการ อาจเป็นทางออกเดียวที่เป็นไปได้เพื่อลดความรุนแรงและเปิดทางให้เจรจา แต่ ข้อตกลงสันติภาพถาวร ตามที่รัสเซียละสหรัฐฯ ต้องการ ยังคงเผชิญอุปสรรคทั้งด้านกฎหมายและยุทธศาสตร์ หนทางสู่สันติภาพที่แท้จริงจึงยังคงมืดมิด และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย รวมถึงสหรัฐฯ ยุโรป และยูเครน เพื่อหาจุดสมดุลที่ยอมรับได้ทั้งในแง่กฎหมายและความเป็นจริงในสนามรบ
ที่มา : Why Putin is not ready to meet with Zelensky, and may never be, Ukraine wants a ‘ceasefire,’ Putin and Trump want a ‘peace deal.’ Here’s the big difference
อ่านข่าวอื่น :
"ทรัมป์" ยืนยันไม่ส่งทหารสหรัฐฯ ไปยูเครน จ่อสนับสนุนทางอากาศ
จับตา 21 ส.ค. "แพทองธาร" ไปศาล รธน.หรือไม่ แจงปมคลิปเสียง "ฮุน เซน"