“ดีอี”จับมือ “ไลน์”เปิดฟีเจอร์ “Safety Check”ยกระดับการเตือนภัยเข้าถึงคนไทย 56 ล้านคน
วันนี้( 15 ธ.ค.) นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอี ได้ร่วมมือกับ ไลน์ ประเทศไทย และ หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กทม. สำนักงาน กสทช. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และกรมควบคุมมลพิษ เป็นต้น ในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ด้านการแจ้งเตือนภัยผ่านฟีเจอร์ เซฟตี้ เช็ค (Safety Check) บนแอปพลิเคชัน ไลน์ ยกระดับการสื่อสารข้อมูลด้านภัยพิบัติและเหตุฉุกเฉินจากภาครัฐ ให้เข้าถึงประชาชนเข้าถึงได้ได้ง่ายและมีประสิทธิภาพรวดเร็ว น่าเชื่อถือ ลดความสับสนจากข้อมูลบิดเบือนในช่วงวิกฤต ถือเป็นการสร้าง กลไกการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานรัฐและแพลตฟอร์มดิจิทัล
“สำหรับการแจ้งเตือนภัยของแพลตฟอร์ม จะมี 3 ฟีเจอร์ สำคัญ คือ 1.การแจ้งเตือนภัยและ แสดงความปลอดภัยของผู้ใช้งาน 2 ข่าวสารเรื่องภัยพิบัติ ที่ได้ถูกคัดกรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเป็นข่าวจริง และ 3. การเปิดรับบริจาคผ่านมูลนิธิต่างๆ ที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว โดย เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติขึ้น จะมีฟีเจอร์ ดังกล่าวขึ้นมาในแอป ผู้ใช้งานสามารถ แจ้งเหตุการณ์ หรือ แสดงสถานะว่าปลอดภัย รวมถึง แจ้งขอความช่วยเหลือได้ โดยการกรอกข้อมูลในแอป โดยข้อมูลดังกล่าว จะ ถูกรวบมาไว้ในถังข้อมูลของ กระทรวงดีอี เพื่อทำการประมวลผลและให้ความช่วยเหลือ และเมื่อเหตุการณ์จบ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกลบทิ้งทันทีไม่มีการเก็บข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลไว้ โดยขณะนี้ได้มีการเชื่อมต่อข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ แล้ว โดยปัจจุบันระบบพร้อมใช้งานแล้ว จากเดิมที่คาดว่าจะเปิดตัวในต้นปี 69”
นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ไลน์ ประเทศไทยพร้อมสนับสนุนการยกระดับการสื่อสารภาวะฉุกเฉินของภาครัฐผ่านผ่านฟีเจอร์ “เซฟตี้ เช็ค ” ซึ่งได้ ริเริ่มพัฒนาขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นในช่วงเหตุการณ์สำคัญได้อย่าง รวดเร็ว ถูกต้อง และครอบคลุม พร้อมช่วยให้สามารถติดตามสถานการณ์และยืนยันความปลอดภัยของตนเองได้สะดวกยิ่งขึ้น ภายใต้ความร่วมมือนี้ ไลน์ จะสนับสนุนการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐ จากฐานผู้ใช้งานกว่า 56 ล้านคน ครอบคลุม 80% ของประชากรไทย เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลภัยพิบัติเป็นไปอย่างเหมาะสมและทันเวลา ซึ่งเป็นการสนัลสนุนระบบเตือนภัยเซลล์ บรอดแคสต์ ของภาครัฐ ที่มีอยู่แล้วให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยทางไลน์ จะมีการทำงานร่วมกับ ดีอี และ ปภ. ต่อเนื่องเพื่อเพิ่มฟีเจอร์การเตือนภัยให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต
ด้าน ร้อยตำรวจตรี สัณฐิติ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทา สาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานกลางของรัฐในการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีบทบาทในแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า กระจายข่าว ติดตามภาวะคุกคามและความรุนแรงของสาธารณภัย ตลอดจนการสิ้นสุดการเตือนภัย รวมทั้งให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาธารณภัยผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยประสานงานและร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ ในด้านข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับการเตือนภัยล่วงหน้า และสนับสนุนการกำหนดกลไก หรือช่องทางการเชื่อมโยงข้อมูลด้านสาธารณภัยไปยังช่องทางอื่นๆ มีบทบาทในการบริหารจัดการสาธารณภัย ผ่านการจัดทำ รวบรวม แบ่งปัน และเผยแพร่ข้อมูลภัยพิบัติอย่างเป็นทางการ รวมถึงเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อให้การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทั่วถึง
โดย ปภ.จะมุ่งสนับสนุนข้อมูลสาธารณภัยของประเทศ โดยจัดทำ รวบรวม ตรวจสอบ ยืนยันความถูกต้อง และเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสาร และประกาศอย่างเป็นทางการในทุกระดับ เพื่อให้ภาคีความร่วมมือใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงหลักในการสื่อสารสู่ประชาชน รวมทั้งให้คำแนะนำด้านเนื้อหาและภาษาสื่อสาร เพื่อให้ข้อมูลที่เผยแพร่เข้าใจง่ายและเข้าถึงประชาชนได้ทั่วถึง ตลอดจนสนับสนุนการกำหนดกลไกเชื่อมโยงข้อมูล การเผยแพร่ข่าวสาร และการฝึกซ้อม ประเมินผลการสื่อสารในภาวะวิกฤตอย่างต่อเนื่อง
นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า กสทช.มีบทบาทสำคัญในการบูรณาการเพื่อให้การแจ้งเตือนภัยเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ส่งเสริมให้ประชาชนรับรู้และเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องจากภาครัฐในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน โดย กสทช. มุ่งสนับสนุนความร่วมมือในมิติที่เกี่ยวข้องกับระบบสื่อสารและโครงข่ายโทรคมนาคม เพื่อให้การแจ้งเตือนภัยผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลมีประสิทธิภาพ เข้าถึงประชาชนได้อย่างทั่วถึง และทำงานได้อย่างเหมาะสมในภาวะฉุกเฉิน พร้อมสนับสนุนการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน กสทช. และร่วมส่งเสริมความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนในการใช้ช่องทางดิจิทัลเพื่อติดตามข้อมูลจากภาครัฐ ยืนยันความปลอดภัย และรับมือสถานการณ์ภัยพิบัติอย่างถูกต้อง