เรียวกังหรือโรงแรม แตกต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี?
เมื่อพูดถึงโรงแรมหรือที่พักในญี่ปุ่น หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่าเรียวกัง ที่พักสไตล์ญี่ปุ่นกันบ่อยๆใช่ไหมคะ จะว่าไปแล้วเรียวกังต่างจากโรงแรมทั่วไปอย่างไร คราวนี้ผู้เขียนจะพาไปเข้าใจความแตกต่างของเรียวกังกับโรงแรมกันค่ะ
นิยาม และประวัติความเป็นมา
อย่างแรกเลย ความแตกต่างของสองคำนี้ เรียวกัง เขียนด้วยตัวอักษรคันจิว่า 旅館 ส่วนโรงแรม เขียนด้วยตัวอักษรคาตะคานะว่า ホテル
เรียวกัง คือ ที่พักสไตล์ญี่ปุ่นเก่าๆ มีออนเซน อาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และมีห้องพักที่ปูด้วยเสื่อทาทามิ มีประวัติเริ่มมาจาก 旅籠 หรือ ฮาตาโกะ แปลว่าโรงแรมเล็กๆ เป็นที่พักและเสิร์ฟอาหารแก่นักเดินทางในสมัยเอโดะ เริ่มพัฒนาไปพร้อมกับทางหลวง และการเดินทางสัญจรของนักเดินทาง
จากนั้นเมื่อเข้ายุคสมัยเมจิ ญี่ปุ่นเริ่มได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมตะวันตก โรงแรมเริ่มแพร่หลายในตัวเมือง คำว่า ฮาตาโกะ เปลี่ยนชื่อเป็นเรียวกัง กลายเป็นที่พักที่รักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมผสมและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยใหม่
ส่วนโรงแรม คือ ห้องพักที่มีเตียง อยู่ในเมือง เป็นที่พักแบบสมัยใหม่ที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส คำว่า hôtel เดิมใช้กับคฤหาสน์ของชนชั้นสูงหรือที่พักที่อยู่ในเมือง
โรงแรมสไตล์ตะวันตกเริ่มเปิดเป็นที่แรกที่โยโกฮาม่า ชื่อแกรนด์โฮเทลในปี 1868 ต่อมาเมื่อช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 ญี่ปุ่นก็ได้ปรับตัวให้มีความสมัยใหม่มากขึ้น จนได้เริ่มมีการสร้างโรงแรมแบบตะวันตกเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนเกิดเป็นโรงแรมในเมือง และสถานที่เที่ยวต่างๆอย่างในปัจจุบัน
5 ความแตกต่าง เรียวกัง (旅館) vs โรงแรม (ホテル)
1) บริการอาหาร และออนเซน
เรียงกัง: เสิร์ฟอาหารเช้าและเย็นเป็นส่วนใหญ่ มักเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่น สามารถเลือกได้ว่าจะรับประทานที่ห้องโถงหรือที่ห้องพัก มีบ่อออนเซนขนาดใหญ่ มีบริการปูฟูกให้
โรงแรม: มีแค่อาหารเช้า หรือไม่มีอาหาร ส่วนอาหารเย็นสามารถเลือกรับประทานภายในโรงแรมหรือรับประทานร้านอาหารข้างนอก มีออนเซนบางที่
2) สิ่งอำนวยความสะดวก
เรียวกัง: ห้องปูเสื่อทาทามิ ที่นอนเป็นแบบฟูก บางที่เป็นห้องน้ำรวม
โรงแรม: ห้องเป็นพื้นไม้ ที่นอนเป็นเตียง ส่วนใหญ่มีห้องน้ำภายในห้อง
3) รูปแบบอาคารและการตกแต่ง
เรียวกัง: สร้างด้วยไม้ หลังคาแบบกระเบื้อง สถาปัตยกรรมสไตล์ Sukiya-zukuri มีลักษณะเด่นคือมีความเรียบง่ายและเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ใช้วัสดุจากไม้ไผ่ หรือไม้ซีดาร์ สำหรับการตกแต่งภายใน พื้นปูด้วยเสื่อทาทามิ ใช้ประตูบานเลื่อน และมีส่วนที่ยกพื้นห้องขึ้นสูงที่เรียกว่า tokonoma ให้ความรู้สึกสงบ
โรงแรม: สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เป็นอาคารสูง พื้นปูด้วยพรม มีเตียงและโซฟา ให้ความรู้สึกหรูหราหรือทันสมัย
4) ทำเล
เรียวกัง: ตั้งอยู่ในเมืองออนเซน สามารถอิ่มเอมกับออนเซน และธรรมชาติ หรือตั้งอยู่ในเมืองท่องเที่ยวที่สะดวกแก่การท่องเที่ยว หรือใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวตามประวัติศาสตร์
โรงแรม: ตั้งอยู่ในเมือง ใกล้สถานี เดินทางง่าย สะดวกกับช็อปปิงหรือติดต่อธุรกิจ หรือถ้าอยู่ในเมืองท่องเที่ยวก็เหมาะแก่การพักตากอากาศ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
5) ค่าที่พัก
เรียวกัง: ราคาค่อนข้างสูง รวมอาหารเช้า มีบริการปูฟูกที่นอนและอื่นๆ
โรงแรม: ราคาไม่สูงมาก ราคาไม่รวมอาหารเช้าและบริการอื่นๆ
ข้อดี vs ข้อเสีย
ข้อดีของเรียวกัง
- ได้รับการดูแลต้อนรับอย่างอบอุ่นแบบญี่ปุ่นแท้
- สัมผัสกับธรรมชาติ และออนเซน
- สัมผัสกับบรรยากาศสงบ สไตล์ญี่ปุ่น
ข้อเสียของเรียวกัง
ค่าที่พักค่อนข้างสูง ดีไซน์หรือสิ่งก่อสร้างอาจเก่า และอาจไม่มีความเป็นส่วนตัวมากนัก เนื่องจากมีบริการปูฟูกหรือเสิร์ฟอาหารให้แขกภายในห้องพัก
ข้อดีของโรงแรม
- ห้องมีความทันสมัย สะดวกสบาย
- บริการเป็นมาตรฐาน
- อยู่ในเมืองหรือใกล้สถานที่ท่องเที่ยว สะดวกต่อการเดินทาง
ข้อเสียของโรงแรม
ไม่ได้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่น ไม่ต่างจากโรงแรมที่อื่นๆ ที่พักบางแห่งไม่มีออนเซน บริการตามมาตรฐาน จึงอาจไม่ได้รับการบริการต้อนรับอบอุ่น เมื่อเทียบกับเรียวกัง
ทั้งเรียวกังและทั้งโรงแรมต่างมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ถ้าอยากสัมผัสกับความเป็นญี่ปุ่น แน่นอนว่าการได้ลองพักเรียวกังสักครั้งก็เป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อย ไปญี่ปุ่นทริปหน้าทุกคนลองพิจารณากันดูนะคะ
สรุปเนื้อหาจาก 9stay, sotetsu-hotels, teramoto