"สิบเอกธีรพล" น้ำตาคลอ บอก ผมพลาด! ยอมรับแค้นทหารเขมร ลอบกัดวางกับระเบิด
14 ส.ค. 2568 พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมคณะเดินทางเข้าเยี่ยม สิบเอกธีรพล เพียขันที ทหารพรานได้รับบาดเจ็บสูญเสียขา 1 ข้าง ระหว่างเดินลาดตระเวนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม เมื่อวันที่ 12 ส.ค. ซึ่งยังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุรินทร์
ต่อมานายสำเนียง บุญมามอญ อายุ 64 ปี ลูกพี่ลูกน้องของสิบเอกธีรพล ได้นำกระเช้าผลไม้เข้าเยี่ยม ทันทีที่เจอกัน นายสำเนียง เข้าจับมือให้กำลังใจ ซึ่งสิบเอกธีรพล ถึงกับปาดน้ำตาด้วยความซึ้งใจที่ญาติคนนี้ ซึ่งเคยเป็นทหารพรานเหมือนกัน เดินทางมาเยี่ยม
สิบเอกธีรพล เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง บอกว่า "ผมพลาด ไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามจะแอบมาวางระเบิด เพราะเส้นทางที่เดินลาดตระเวนทุกวัน แล้วภารกิจในวันนั้น ตัวเองก็เดินนำหน้า เพราะคุ้นชินกับพื้นที่ และกำลังพลที่เหลืออีก 6 คน มาจากต่างพื้นที่"
นายสำเนียง จึงได้จับมือบอกให้สิบเอกธีรพล "หายไวๆ หัวใจเอ็งกล้าหาญมาก ขอให้เอาชนะใจตัวเอง ทางครอบครัวภูมิใจในตัวสิบเอกธีรพลมาก " ระหว่างนั้นสิบเอกธีรพลน้ำตาไหลอยู่ตลอด
สิบเอกธีรพล เล่าต่อว่า วันนั้นเขมรมันวางระเบิดอยู่ 4 ลูก ตนเดินนำหน้าเหยียบลูกแรก เป็นเส้นทางที่ปลอดภัย ตนเดินลาดตระเวนอยู่เป็นประจำ และหลังจากที่เหยียบทุ่นระเบิดแล้ว ชุด EOD ลงไปตรวจก็พบอีก 3 ลูก แสดงว่าทหารเขมรดูเราตลอด ซึ่งตอนนั้นได้รับคำสั่งให้กางลวดป้องกันฐานตัวเองในระยะที่ไกลกว่า 30 เมตร ก็เลยยืดไปอีก 60 เมตรเป็น 100 เมตร พอฐานสุดท้ายก็ได้พากันเดินสำรวจก่อนตอนเช้าช่วงบ่ายถึงกาง ก็เลยโดนช่วงจังหวะตอนเช้าที่เหยียบทุ่นระเบิด แต่เส้นนี้ตนก็เดินประจำ เป็นเส้นทางที่ปลอดภัย
หลังจากเหยียบทุ่นระเบิดขาขาด และก็โดนสะเก็ดระเบิดตามร่างกาย แต่ยังมีสติอยู่ จึงใช้วิทยุแจ้งเรียกหน่วยพยาบาล มีสติอยู่ตลอดตอนนั้น ไม่มีสติตอนที่เขาฉีดยาสลบก่อนที่จะผ่าตัดเท่านั้น
"รักในอาชีพทหารมาก แฟนเคยให้ลาออก แต่ผมไม่ยอม บอกเลย ชีวิตเพื่อชาติ หัวใจเพื่อเธอ"
เมื่อถามว่า ยังคงจะรับราชการทหารอยู่ไหม สิบเอกธีรพล ตอบว่า ต้องดูว่าทางหน่วยจะให้ไปอยู่จุดไหน เพราะขาตนยังพิการอยู่ น้อยใจที่ถ้าหากวอร์มเช็คร่างกายแล้วตนทำด้อยกว่าเขา ตนจะโมโหตัวเอง มันน้อยใจ ปกติตนเทสร่างกาย จะเป็นคนได้รางวัลตลอด พอจะให้มาอยู่ส่วนอื่นจริงๆ แล้วตนก็ไม่อยากจะอยู่ เพราะมาสายบู๊สายนักรบ ตอนนี้ก็ยังอยากจะไปรบอยู่ เพราะแค้น ถ้าตนไปได้ตนก็ยังจะไปรบอีกตอนนี้
"แค้นมากๆ เห็นว่าจะมีการเปิดรอบสองไม่รู้วันไหน เสียดายมากไม่น่า ขาขาดตอนนี้เลย ถ้าแค่ถลอกปอกเปิกก็จะไปอีก รอบแรกเมื่อกี้ก็อย่างมันส์ตนสะใจมาก เพราะชอบในการรบ ตอนอยู่ที่ฐานตีห้า ผมก็จะออกมาต้มไข่ แจกจ่ายเพื่อนทหารพรานด้วยกันในแต่ละฐานอยู่ตลอด"
สิบเอกธีรพล กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจว่า คงไม่ซวยโดนกระสุนปืนใหญ่ สุดท้ายกลับโดนทุ่นระเบิดลอบกัด และจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ตนอยู่หน้าแนวได้รู้ได้เห็นและทำให้ตื้นตันใจกับทหารไทยของเรา ที่ได้เห็นพี่น้องชาวไทย ร่วมแรงร่วมใจกันมาให้กำลังใจทหารและมามอบสิ่งของเป็นกำลังใจแนวหน้า ของกินของใช้มีทุกอย่าง (พร้อมร้องไห้ปาดน้ำตาด้วยความตื้นตันใจ จนภรรยานำกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตาให้) ตื้นตันใจที่ประชาชนคนไทยเป็นคนที่รักประเทศชาติ รักแผ่นบ้านเกิด รักทหาร และรักใคร่ปองดองกันจริงๆ ทุกการสนับสนุนที่ทหารได้รับทุกวันก็เพราะประชาชนคนไทย โดยเฉพาะคุณกัน จอมพลังอีกท่านหนึ่ง
ส่วนกระแสที่ว่า สิ่งของไม่ถึงทหารแนวหน้า เรื่องนี้ไม่จริง อาจจะเป็นคนที่อยากโจมตีมั้ง เพราะที่แนวของพวกเรานั้นไม่มี สิ่งของถึงทุกฐานแบ่งเท่ากันหมด กินจนพอเพียง ตนถึงอยากจะขอบคุณประชาชนทั่วประเทศยอมรับคนไทยรักมาก
ส่วนเมื่อเทียบกับปี 54 ที่มีการปะทะกันช่วงเดือนเมษายน ส.อ.ธีรพล ตอบว่า ตอนวันที่ 22 เม.ย. 54 พวกตนขึ้นไปปะทะอยู่ที่เนิน 350 ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ ทหารเขมรเห็นเราก่อนเลยตั้งปืนรอรับและยิงเราก่อน ช่วงนั้นอาหารการกินตอนนั้นไม่มีการสนับสนุน ตนได้มาม่า 4 ห่อติดตัว ตอน 10 โมงเช้ากินครึ่งหนึ่ง 4 เย็นกินอีกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้อยู่ได้ 1 วัน กินอยู่แบบนี้จนหมด 4 ห่อ ถึงได้มีการสนับสนุนจากส่วนหลัง ไม่เหมือนกับตอนนี้ ที่สนับสนุนก่อนตั้งแต่ที่มีข่าว หรือตั้งแต่ที่คำว่าคนไทยรักชาติ คนไทยร่วมกันนำมาก่อนเลย ตนจึงอยากขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ (พร้อมกับยกมือไหว้ทั้งน้ำตา) ตนภูมิใจแทนพี่น้องทหารของเรามาก
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสำเนียง ญาติของสิบเอกธีรพล เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสิบเอกธีรพล ไม่ได้เจอกันนานกว่า 5 ปี ตั้งแต่สมัยสิบเอกธีรพลไปช่วยราชการอยู่ทราจังหวัดปัตตานี เมื่อปี 2563 จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 ส.ค. วันเกิดเหตุ ดูข่าวแล้วได้ยินชื่อ สิบเอกธีรพล ก็รู้สึกใจหายอย่างมาก เพราะน้องชายเป็นคนมีความกล้าหาญและมีอุดมการณ์การเป็นทหารอย่างแน่วแน่ หวงแหนผืนแผ่นดินไทย เนื่องจากเป็นทหารมาหลายปี
สมัยมีสงครามไทย - กัมพูชา เมื่อปี 2554 สิบเอกธีรพล ก็ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้าและถูกสะเก็ดของกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายตรงข้าม จนหมวกเหล็กแตก แต่ก็ไม่หวั่น ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์การเป็นทหารและลาดตระเวนตลอด เพราะที่นี่คือ บ้านของเขาส่วนกัมพูชานั้น เชื่อใจไม่ได้ เหมือนหมาลอบกัด คบไม่ได้
นายสำเนียง บอกว่า ตัวเองก็เป็นอดีตทหารพรานและเคยปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวชายแดนในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งก็ยอมรับว่าสถานการณ์การสู้รบกันในครั้งนี้รุนแรงมาก แต่ก็มั่นใจว่า "หากเกิดการสู้รบกันอีก ทหารไทยจะได้รับชัยชนะ เพราะทหารไทยเก่งและมีความสามารถ ดังนั้นถ้าจะรบกันจริงๆ ไทยชนะขาดลอย เขมรสู้เราไม่ได้สักอย่าง" ซึ่งอยากให้กำลังใจพี่น้องทหารชายแดน อยากให้สู้ๆ เข้มแข็ง และขอให้ปลอดภัย