พ่อพาลูกชาย ม.5 แจ้งความ แก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นดีเอสไอหลอกโอนเงิน-บังคับวิดีโอคอลทั้งคืน
พ่อพาลูกชาย ม.5 แจ้งความแก๊งคอลเซ็นเตอร์อ้างเป็นดีเอสไอหลอกโอนเงิน-บังคับวิดีโอคอลทั้งคืน ขู่ไม่เชื่อฟังถูกจับยึดทรัพย์ทั้งครอบครัว พ่อยกเคสเตือนวัยรุ่นรู้เท่าทัน
นายกฤษฏากร พาลูกชายวัย 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เข้าแจ้งความที่ สภ.แม่ปิง อ.เมืองเชียงใหม่ ให้ติดตามดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ใช้กลอุบายหลอกลวงลูกชายจนหลงเชื่อโอนเงินไปให้และยังต้องต้องตกอยู่ในอาการหวาดกลัวจากการถูกบังคับให้วีดีโอคอลตลอดทั้งคืน
นักเรียนผู้เสียหาย เล่าว่า สัปดาห์ที่ผ่านมามีโทรศัพท์มาหาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สอบสวนคดีพิเศษ บอกว่ามีการจับกุมผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและพบบัญชีธนาคารออมสินของตนเองเป็นหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ตอนแรกตนเองไม่ได้สนใจและวางสายไปเพราะรู้ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
แต่หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์ก็มีโทรศัพท์เข้ามาอีก อ้างเหมือนเดิมว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีการพูดคุยข่มขู่หากไม่ให้ความร่วมมือจะถูกดำเนินคดีและจะมีผลกระทบไปถึงผู้ปกครองซึ่งเป็นข้าราชการที่จะต้องถูกสอบสวนยึดทรัพย์และไล่ออกจากราชการ จึงทำให้เริ่มกลัวและหลงเชื่อเพราะปลายสายทราบว่ามีผู้ปกครองเป็นข้าราชการ
จากนั้นได้ให้แอดไลน์ที่ขึ้นชื่อโปรไฟล์ว่า “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” พร้อมกับส่งเอกสารราชการเกี่ยวกับคดีความผิดมาให้ดูหลายอย่างและให้โอนเงินเข้าไปตรวจสอบ โดยหลอกล่อให้ทดลองให้โอนเงิน 5 บาท เพื่อให้ดูชื่อบัญชีรับเงิน ตนเองกลัวผลกระทบจะเกิดขึ้นกับผู้ปกครองจึงโอนเงินไปให้ตรวจสอบก่อนปรากฏว่าบัญชีผู้รับเงินระบุชื่อ “สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติจำกัด” จึงเริ่มหลงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง จากนั้นจึงยอมโอนเงินที่เหลือในบัญชีไปให้ตรวจสอบ 2,619 บาท แต่ปรากฏว่าชื่อบัญชีรับเงินกลายเป็นชื่อ นภา
หลังโอนเงินไปแล้วยังถูกบังคับให้วีดีโอคอลห้ามวางสายตั้งแต่เวลา 14.30 น. (วันที่ 23 สิงหาคม ) ยาวมาถึง 09.00 น. วานนี้ ( 24 สิงหาคม ) เพื่อติดตามไม่ให้หลบหนีคดี แต่ตนเองเริ่มไหวตัวทัน อาศัยจังหวะแอบส่งข้อความไปบอกผู้ปกครองตอนตีห้า ก่อนที่ผู้ปกครองจะแจ้งคุณครูเข้ามาบล็อกตัวไว้ไม่ให้ออกไปจากห้องพักและให้วางสายทันที
นายกฤษฏากร บอกว่า ทันทีที่ทราบเรื่องได้เดินทางจากจังหวัดเชียงรายมาหาลูกชายทันที พร้อมกับรวบรวมหลักฐานเข้าแจ้งความที่ สภ.แม่ปิง ให้ดำเนินคดีกับคอลเซ็นเตอร์ โดยบอกว่าลูกชายมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้และพักอยู่กับห้องพักที่คุณครูดูแลอยู่ แต่ต้องยอมรับว่าลูกชายอาจให้ความสนใจและเรื่องเรียน ไม่ได้ติดตามข่าวสารอะไรมากนักจนขาดความรู้เท่าทัน แต่ก็ถือว่ายังโชคดีที่ยังมีสติส่งข้อความมาบอกพ่อแม่ ไม่อย่างนั้นอาจถูกบังคับให้ออกห้องไปสถานที่อื่นๆที่เป็นอันตราย
ที่ติดใจสงสัยก็คือข้อมูลบัญชีธนาคารที่นำมาใช้แอบอ้างหลอกลวง เป็นบัญชีที่ลูกชายเปิดไว้กับธนาคารที่มาออกบู๊ทแนะแนวการออมเงินให้ที่โรงเรียนและที่ผ่านมาก็ไม่ได้ทำธุรกรรมอะไรกับบัญชีนี้ จึงไม่ทราบว่าข้อมูลหลุดไปจากส่วนไหน นอกจากนี้ยังพบว่าระหว่างถูกบังคับวีดีโอคอล แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังส่งลิ้งค์มาให้ลูกชายกดซึ่งเป็นการบล็อคไม่ให้มีสายโทรเข้ามาหาได้ ซึ่งหลังจากนี้จะสอบถามไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออีกครั้ง
นายกฤษฏากร เชื่อว่า ขณะนี้กลุ่มนักเรียนนักศึกษาตกเป็นเป้าหมายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงฝากให้เรื่องที่เกิดกับลูกชายเป็นกรณีศึกษา หากเด็ก ๆ เจอกับเรื่องแบบนี้ควรแจ้งให้กับผู้ปกครองได้ทราบทันที ส่วนของลูกชายโชคดีที่ไม่มีเงินในบัญชีมากกว่านี้
ด้าน พ.ต.ท.อดุลย์ศิริ วงศ์ตันกาศ สารวัตรสอบสวน สภ.แม่ปิง ได้ดำเนินการให้ผู้เสี่ยหายแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ตามขั้นตอนเนื่องจากเข้าข่ายคดีออนไลน์ หลังจากนี้เมื่อได้เลขรับเป็นคดีจะเชิญผู้เสียหายและผู้ปกครองมาสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีต่อไป