“บิ๊กทวี” เยี่ยมทัณฑสถานหญิงชลบุรี ดันเรือนจำเป็น “สถานศึกษา-ฟื้นฟูชีวิต” คืนคนคุณภาพสู่สังคม
วันที่ 25 ส.ค.68 ที่ทัณฑสถานหญิงชลบุรี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และคณะ ลงพื้นที่จังหวัดชลบุรี ตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางชลบุรี พบปะและให้กำลังใจผู้ต้องราชทัณฑ์ และเยี่ยมชมสถานีเรียนรู้ โดยมี นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายนายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นางสาวนิสา แก้วแกมทอง รองผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในพื้นที่จังหวัดชลบุรี ร่วมให้การต้อนรับ ณ เรือนจำกลางชลบุรี ถนนพระยาสัจจา ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี โดยพันตำรวจเอก ทวี และคณะ ได้เยี่ยมชม “สถานีการเรียนรู้ ห้องเรียนแห่งโอกาส” ซึ่งจัดแสดงกิจกรรมการเรียนรู้และฝึกอาชีพของผู้ต้องราชทัณฑ์ อาทิ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การทำอาหาร และการเสริมความงาม ภายใต้ความร่วมมือจากกรมราชทัณฑ์และ กสศ. เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาและสร้างทักษะที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตหลังพ้นโทษ จากนั้นได้มีการแสดง “ระบำ 4 ภาค” โดยผู้ต้องราชทัณฑ์ทัณฑสถานหญิงชลบุรี ถ่ายทอดความงดงามของศิลปวัฒนธรรมไทยจากทุกภูมิภาค สร้างบรรยากาศอบอุ่นและความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมงาน
จากนั้น เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการนักจัดการเรียนรู้ในกระบวนการยุติธรรม หลักสูตร “นวัตกรรมการเรียนรู้ และการเชื่อมโยงบูรณาการ” พร้อมทั้งมอบวุฒิการศึกษาแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่สำเร็จการศึกษาตามโครงการ “เรือนจำต้นแบบการศึกษา” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมราชทัณฑ์ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และภาคีความร่วมมือทางวิชาการ ในการนี้ นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เป็นผู้แทนในพิธีมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษา
พันตำรวจเอก ทวี กล่าวว่า รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการนักจัดการเรียนรู้ในกระบวนการยุติธรรม หลักสูตร “นวัตกรรมการเรียนรู้และการเชื่อมโยงบูรณาการ”และพิธีมอบวุฒิการศึกษาผู้สำเร็จ การศึกษาเรือนจำต้นแบบการศึกษาการปฏิรูปราชทัณฑ์ : เรือนจำในฐานะสถานศึกษาและสถานฟื้นฟูชีวิต ทัณฑสถานหญิงกลางชลบุรี กรมราชทัณฑ์ได้กำหนดแนวทางการปฏิรูปราชทัณฑ์ที่สำคัญ คือ การทำให้เรือนจำมิใช่เพียงสถานที่คุมขัง แต่ต้องเป็น “สถานศึกษาและสถานฟื้นฟูชีวิต” ที่ช่วยให้ผู้ต้องราชทัณฑ์พัฒนาศักยภาพ ได้เรียนรู้ และกลับคืนสู่สังคมในฐานะ “คนที่มีคุณภาพ” ตามหลักการพัฒนาพฤตินิสัย และโครงการที่มุ่งเป้ามีประสิทธิภาพ อาทิ “โครงการโคกหนองนา แห่งน้ำใจและความหวังกรมราชทัณฑ์ ขณะนี้ ผู้พ้นโทษที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ประจำปี 2568 จากเรือนจำ/ทัณฑสถาน จำนวน 132 แห่ง เข้ารับการอบรมจำนวน 11,584 คน โครงการสร้างงาน สร้างอาชีพ ฝึกทักษะในภาคอุตสาหกรรม (การพักโทษกรณี มีเหตุพิเศษ) การจัดตั้งโรงงานอุตสาหกรรมในเรือนจำ/ทัณฑสถาน หรือการรับจ้างแรงงานในเรือนจำ/ทัณฑสถาน เป็นต้น ความสำเร็จของภารกิจนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม รวมถึงครอบครัวของผู้ต้องราชทัณฑ์ โดยกรมราชทัณฑ์ทำหน้าที่เป็นเสาหลักในการเชื่อมโยง เพื่อเปลี่ยนชีวิตผู้ต้องราชทัณฑ์จาก “ผู้ก้าวพลาด” ให้กลับมาเป็น “พลเมืองที่มีคุณภาพดี”
ผู้ต้องราชทัณฑ์ส่วนใหญ่กว่า 60% มีการศึกษาต่ำกว่ามัธยมปลาย การปฏิรูประบบราชทัณฑ์จึงเริ่มต้นจากการสร้างโอกาสทางการศึกษา ตั้งแต่การรู้หนังสือ การศึกษาภาคบังคับ การศึกษาวิชาชีพ ไปจนถึงระดับอุดมศึกษา นอกจากนี้ กระทรวงยุติธรรม ยังริเริ่ม “โครงการอ่านหนังสือลดวันต้องโทษ (Read for Release)” โครงการเรือนจำต้นแบบการศึกษาได้พิสูจน์แล้วว่า “การศึกษาและการฟื้นฟูพฤตินิสัยสามารถดำเนินควบคู่กันได้” ผู้ต้องราชทัณฑ์ไม่เพียงได้รับวุฒิการศึกษา แต่ยังได้พัฒนาทักษะชีวิตและอาชีพ ซึ่งจะเป็นทุนชีวิตสำคัญเมื่อกลับสู่สังคม ในขณะเดียวกัน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนขับเคลื่อนแนวคิด “บ้านกึ่งวิถี (Halfway House)” เพื่อช่วยเหลือผู้พ้นโทษปรับตัวและสร้างอนาคตใหม่ ลดโอกาสการกระทำผิดซ้ำ และสร้างสังคมที่มั่นคง ปลอดภัย และเต็มไปด้วยพลเมืองคุณภาพ ขอขอบคุณผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงชลบุรีที่เป็นต้นแบบของการสร้างคนในวันนี้ ขอบคุณที่เปลี่ยนมนุษย์จากคนไม่รู้ให้เป็นคนรู้เปลี่ยนมนุษย์จากคนไม่มีจริยธรรมให้มีจริยธรรมเปลี่ยนมนุษย์จากคนรุนแรงให้เป็นคนมีเหตุผล ที่พึ่งสุดท้ายของสังคมในยุคการเปลี่ยนแปลง คือ คนหลังกำแพงและคนหลังกำแพง ต้องมีสะพาน และสะพานในที่นี้ คือ ความรู้สะพานเพื่อนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลง