“อินเดีย” ตั้งเป้าผลิต “ชิป” เชิงพาณิชย์ในปี 2025 ก้าวสู่ศูนย์กลางนวัตกรรมโลก
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี (Prime Minister Narendra Modi) ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าสำคัญในงานประชุมประจำปี "Semicon India" ว่าในปัจจุบันได้มีการผลิตชิปตัวอย่างจากโรงงานของบริษัทไมครอน (Micron) และทาทา (Tata) แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมนี้ พร้อมประกาศความมุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก ตั้งเป้าเริ่มต้นการผลิตชิปเชิงพาณิชย์ภายในสิ้นปี 2025
การเติบโตของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในอินเดีย
ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ของอินเดียมีการเติบโตที่น่าจับตามอง จากมูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023 เพิ่มขึ้นเป็น 45,000 - 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024-2025 และรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าตลาดให้ได้ถึง 100,000 -110,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030
จุดแข็งด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในอินเดีย
ถึงแม้ว่าอินเดียจะเริ่มต้นในเส้นทางนี้ล่าช้ากว่าประเทศอื่น แต่รัฐบาลก็มีความเชื่อมั่นว่าจะไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดยั้งการพัฒนาในครั้งนี้ได้ โดยชี้ถึงข้อได้เปรียบที่สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
ความสามารถในการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์
การเป็นแหล่งจัดหาวัสดุสำคัญ เช่น สารเคมีและแร่ธาตุ
และการให้บริการที่ครอบคลุมตั้งแต่งานวิจัยและพัฒนาไปจนถึงด้านเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ๊กดาต้า (big data) และคลาวด์คอมพิวติ้ง (cloud computing)
นอกจากนี้ อินเดียยังมีความได้เปรียบด้าน"ทรัพยากรบุคคล" อย่างชัดเจน โดยบุคลากรด้านการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์ร้อยละ 20 ของโลกมาจากอินเดีย ซึ่งตอกย้ำถึงศักยภาพของประเทศในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ญี่ปุ่นได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการลงทุนในอินเดียมูลค่า68,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์และ AI
แรงผลักดันที่ทำให้เกิดเป้าหมายครั้งสำคัญ
อินเดีย ในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกและมีการเติบโตที่รวดเร็ว กำลังเผชิญกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บถึงร้อยละ 50 ทำให้ต้องหาแนวทางใหม่ ๆ ในการเติบโต
ดังนั้น ท่ามกลางความต้องการชิปทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น แต่ห่วงโซ่อุปทานยังคงกระจุกตัวในไม่กี่ภูมิภาค อินเดียจึงมุ่งมั่นที่จะสร้าง “ระบบนิเวศที่สมบูรณ์” ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบ การผลิต และการบรรจุหีบห่อ เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกได้อย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อินเดีย - จีน - รัสเซีย จับมือกระชับสัมพันธ์ ตอกหน้าสหรัฐฯ หลังถูกบีบหนักจากภาษี "ทรัมป์"
- โมดี-สี จิ้นผิง เจอกันครั้งแรกในรอบ 7 ปี มุ่งเดินหน้าฟื้นสัมพันธ์
- นักเศรษฐศาสตร์เผยเหตุผล ทำไมอินเดียเลิกซื้อน้ำมันจากรัสเซียไม่ได้
- อินเดียเผชิญภาษีสหรัฐฯ สูงที่สุดในโลกเริ่มสัปดาห์นี้ สะเทือนเศรษฐกิจ-ความสัมพันธ์