ทอท. หนุน 'สุวรรณภูมิ' ฮับโลจิสติกส์ ลุยสร้างแพลตฟอร์มบริการขนส่ง
นางสาวปวีณา จริยฐิติพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยถึงความร่วมมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการศึกษาและพัฒนาระบบแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเชื่อมโยงการทำงานภาคธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศเพื่อผลักดันให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาค (Aviation Hub) โดยระบุว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิปัจจุบันเปรียบเสมือนประตูการค้าระหว่างประเทศทางอากาศของประเทศไทย
โดยในปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566 - กันยายน 2567) พบว่าสถิติการขนส่งสินค้าทางอากาศผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด คือ มีจำนวนสินค้าและไปรษณียภัณฑ์กว่า 1.33 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 20.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ 2566 ในจำนวนดังกล่าวเป็นการขนส่งระหว่างประเทศถึง 1.32 ล้านตัน ซึ่งมีอัตราเติบโต 20.24%
และในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - กรกฎาคม 2568) มีปริมาณสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิกว่า 1.25 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10.9% เป็นการขนส่งระหว่างประเทศถึง 1.24 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10.94%
นางสาวปวีณา กล่าวเพิ่มเติมว่า จากแนวโน้มการเติบโตของภาคธุรกิจขนส่งทางอากาศ ซึ่งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีบทบาทสำคัญในการเป็นจุดศูนย์กลางรองรับปริมาณสินค้าทางอากาศ ดังนั้นการบริหารจัดการภายในพื้นที่เขตปลอดอากร จึงจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพื่อความรวดเร็วและคล่องตัว โดยนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาใช้ในการรองรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในอนาคต
ซึ่งบริษัทไปรษณีย์ไทย เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจการขนส่งสินค้าแบบการจัดส่งสินค้าไปยังผู้รับปลายทาง (Last mile Delivery) รวมไปถึงมีทรัพยากรสำหรับการขนส่งที่จำเป็นต่อธุรกิจขนส่งอย่างครบถ้วน ความร่วมมือครั้งนี้ จึงเป็นประโยชน์ต่อการให้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ ตลอดจนการบริหารจัดการเขตปลอดอากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งลดความแออัดของการจราจรในพื้นที่ เพื่อให้ผู้ประกอบการที่มาใช้บริการเกิดความคล่องตัว รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและพัฒนาระบบแพลตฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ Airport Cargo Community System (ACS) ซึ่งจะเป็นกลไกกลางเชื่อมโยงการทำงานในห่วงโซ่การขนส่งสินค้าทางอากาศครอบคลุมทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้นําเข้า–ส่งออก สายการบิน ตัวแทนขนส่งผู้ให้บริการภาคพื้น ไปจนถึงหน่วยงานศุลกากรและพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ โครงการนี้ยังนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ใหม่ อาทิ ระบบบริหารจัดการช่วงเวลารถบรรทุก (Truck Slot Management) และระบบ Smart Backhaul Trucking ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เที่ยวรถ ลดการวิ่งเปล่า ลดต้นทุนเชื้อเพลิงและแรงงาน พร้อมทั้งช่วยลดการปล่อยคาร์บอน และการพัฒนาระบบเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่งระหว่างท่าอากาศยาน และเชื่อมต่อกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ซึ่งระบบจะมีฟังก์ชันสำคัญ เช่น การจับคู่สินค้ากับพื้นที่บรรทุกโดยใช้ AI และ Machine Learning การวิเคราะห์เส้นทางเพื่อลดเวลาและค่าใช้จ่าย การรวมสินค้าจากผู้ส่งหลายรายเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง การติดตามสถานะงานและเวลามาถึงแบบเรียลไทม์ การเชื่อมต่อข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันเข้ากับระบบจัดการขนส่ง พิธีการศุลกากร ระบบการจัดการทรัพยากร และระบบคลังสินค้า