ไทยอาการโคม่า! 'เอกชน' หวัง ‘นายกฯ-รัฐบาลใหม่’ แก้เศรษฐกิจอันดับแรก
ดร.องอาจ กิตติคุณชัย นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป และประธานบริหาร บริษัท ซันสวีท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ในตอนนี้เป็นความท้าทายทางการเมืองที่วนกลับมาอีกครั้ง หากได้นายกรัฐมนตรีจากพรรคเดิม รูปแบบการบริหารจะเป็นเหมือนเดิมที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีอะไรโดดเด่น นโยบายต่างๆ ก็ไม่มีผลงานปรากฏให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่เริ่มถดถอยลงไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่เป็นไปตามนั้นแล้วยุบสภา นั่นหมายถึงการยอมรับว่าเสียงของฝ่ายตรงข้ามมีมากกว่า
“ในมุมมองส่วนตัวหากเกิดการยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ประเมินว่าพรรคเดิมอาจกลับมาเป็นรัฐบาลได้ยาก แต่ไม่ว่าจะใครก็ตามที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือเป็นรัฐบาลในตอนนี้ ต้องมาอย่างถูกต้อง เป็นความหวังของประชาชน ต้องเร่งแก้ไขอุปสรรคและปัญหาที่สะสมอยู่ให้คลี่คลาย โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจและการต่างประเทศในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งเป็นสองอันดับแรกที่ต้องทำให้เร็วที่สุด”
ด้าน นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งงี่สุน ซูเปอร์สโตร์ จำกัด ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง รายใหญ่ในภาคอีสาน กล่าวว่า ในตอนนี้ต้องมองข้ามคนคุณสมบัติหรือลักษณะของคนที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน เพราะประชาชนเลือกไม่ได้ แต่ 3 ขั้วพรรคการเมืองสีแดง น้ำเงิน และส้ม มีตัวแปรสำคัญคือพรรคสีส้ม และเดาว่าอาจได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่มาจากพรรคสีน้ำเงิน พร้อมเดิมพันภายใต้กรอบเวลา 4-6 เดือน ซึ่งจะต้องนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ เพราะหากพรรคสีส้มเลือกพรรคสีแดง รัฐบาลชุดเดิมคงดำเนินงานต่อจากเดิมและไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
หลังจากได้นายกรัฐมนตรีแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องแก้ไขคือเรื่องเศรษฐกิจที่ติดลบมานานนับปี สวนทางกับการเติบโตของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งสามารถเปรียบเทียบกันและเห็นภาพได้ชัดมาก และวิธีคิดวิธีการบริหารแบบเดิมโดยใช้นโยบายแจกเงินไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไปแล้ว การดึงศักยภาพของประชาชนออกมาพัฒนาตัวเองและเปลี่ยนโครงสร้างบริหารน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า
“ยอมรับว่าในฐานนะประชาชนคนธรมดาแลผู้ประกอบการธุรกิจ เคยมีความหวังว่าพรรคสีแดงที่ได้ขึ้นมาเป็นนรัฐบาลจะดี ช่วยให้ประชาชนลืมตาอ้าปกได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ผิดหวัง และกระแสความนิยมของพรรคสีแดงก็เริ่มลดลงแล้ว หากได้เลือกตั้งอีกครั้งอยากได้พรรคสีสมเข้ามาบริหารจริงจัง แม้จะยังมีข้องกังขาหลายอย่างก็เชื่อว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาน่าจะทำให้พรรคสีส้มเติบโตขึ้น โดยมีพรรคสีน้ำเงินและพรรคอื่นๆ คอยปรามไว้”
แน่นอนว่า สิ่งที่พรรคส้มต้องทำหากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลในอนาคตคือการทำเพื่อประชาชนจริงๆ ไม่มุ้งแก้กฎหมาย 112 แก้กฎเกณฑ์หาร หรือแก้รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว เพราะประเด็นเหล่านี้ค่อนข้างอ่อนไหว ทำให้ประชาชนทุกเจนเนอร์เรชั่นมีความเห็นต่างและเกิดความแตกร้าวในสังคม นอกจากนี้ ยังต้องวางตัวเป็นกลางในเวทีโลก โดยเฉพาะระหว่างอเมริกาและจีน
“อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยในตอนนี้เหมือนคนป่วยอาการโคม่า ชาวบ้านเงินฝืดจนแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย ซ้ำยังมีปัญหากับกัมพูชาอีก ซึ่งผลกระทบกับตกอยู่กับประชาชนทั้งสิ้น ดังนั้นการแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจและทำให้คนอิ่มท้องจะเป็นหนทางให้ประเทศไทยฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้”