”ภูมิธรรม“ จ่อ ฟ้อง “ฮุนเซน“ แพ่ง-อาญา ภายในประเทศ
”ภูมิธรรม“ จ่อ ฟ้อง “ฮุนเซน“ แพ่ง-อาญา ภายในประเทศ บอก หากไม่ฟ้องอาจโดน ม.157 เอง วอน ปชช.อย่าตกเป็นเหยื่อ IO เขมร เตรียมคุยหลักเขต ในวง GBC-RBC ลั่น ยังไม่ได้พูดว่าจะยุบ ศบ.ทก.สักคำ
วันที่ 18 ส.ค. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรมเวชชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พลเอกณัฐพล นาคพานิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แถลงการณ์ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ภายหลังการหารือกว่าสามชั่วโมง
นายภูมิธรร กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันยังต้องเฝ้าระวัง เนื่องจากมีเรื่องที่กระทบกระทั่งและปะทะกันอยู่ ทั้งฝ่ายกองทัพและฝ่ายกลาโหมจะต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด การเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่าย ๆ โดยในวันที่ 25-27 ส.ค.นี้จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนภูมิภาค (RBC) และในวันที่ 8–10 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
ซึ่งเราได้มีการติดตามและให้ทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการแจ้งเตือนลู่ทางต่าง ๆ ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เป็นเอกภาพ สื่อสารประสานงานอย่างเต็มที่ ขณะนี้เรื่องที่สร้างความสับสนในหมู่พี่น้องประชาชนด้วยกันจะมีเรื่องกระบวนการ IO อยากฝากให้พวกเราอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องนี้ เราต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด เอาอธิปไตยประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
นอกจากนี้เรายังได้พูดคุยเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการรุกรานอธิปไตยของไทย เรื่องนี้เคยพูดไว้ว่ามีหลายส่วนที่กระทบกับชีวิตทรัพย์สินของประชาชนคนไทย เราจะดำเนินการฟ้องร้องกัมพูชาและผู้นำ เป็นเรื่องฝ่ายกฎหมายจะพิจารณากัน โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาคที่ 3 เป็นศูนย์รวมรับเรื่องราวร้องทุกข์จากประชาชน หน่วยราชการ นิติบุคคล เพื่อดำเนินการร้องเรียนและส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด ซึ่งจะรับหน้าที่ในการฟ้องร้อง ซึ่งจะเป็นการฟ้องร้องในประเทศ เพราะกระทบต่อความมั่นคง ทรัพย์สิน ชีวิตประชาชน และผู้ก่อเหตุอยู่ภายนอกประเทศ
จุดสำคัญคือเราจะฟ้องเฉพาะในประเทศเท่านั้น ไม่ไปฟ้องที่กฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากเราทำตามกรอบหน้าที่ หากไม่ทำก็จะโดนมาตรา 157 ละเว้นปฎิบัติหน้าที่ จากนี้ต่อไปต้องเฝ้าระวังให้เต็มที่มากขึ้น เราดำเนินการติดตามสถานการณ์เรื่องนี้ต่อจนกว่าการเจรจาและการพูดคุยจะคลี่คลาย ก็จะมีการปรับปรุงแก้ไขปรับเปลี่ยนจนกระทั่งสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติเต็มที่
เมื่อถามว่าเป็นการฟ้องเป็นการฟ้องภายในประเทศ เราจะนำผู้ต้องหาเข้ามาได้อย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็เป็นการฟ้องที่สามารถดำเนินการได้อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นคดีที่ชนักปักหลัง เจอที่ไหนเมื่อไหร่ถ้าเข้ามาในประเทศเรา เราก็จับ
เมื่อถามว่าจะเป็นการฟ้องสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หรือฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชานั้น นายภูมิธรรมระบุว่า ให้อัยการสูงสุดกับคดีทั้งหมดได้ดูและรวบรวม และดำเนินการในข้อเท็จจริงตามกฏหมาย
ส่วนจะฟ้องในเจตนาฆ่าหรือไม่ นายภูมิธรรมว่า ตนไม่ใช่ทนาย เป็นคดีทั้งอาญาและแพ่งซึ่งอัยการสูงสุดหลังจาก การสอบสวนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 แล้วก็จะเริ่มดำเนินคดี
เมื่อถามว่าฃทำไมไม่ฟ้องโดยใช้กฎหมายระหว่างประเทศ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่กระทบชีวิตทรัพย์สินในประเทศ รวมทั้งสถานที่ราชการต่าง ๆ แต่ว่าผู้ก่อเหตุเกิดนอกประเทศ วันนี้เราก็ดำเนินการในประเทศที่เรามีอำนาจหน้าที่ทำได้เลย ส่วนต่างประเทศเราไม่ได้รับขอบเขตอำนาจของศาล เพราะฉะนั้นจึงยังไม่ไปถึงตรงนั้น
ส่วนต่างประเทศเราไม่ได้รับขอบเขตอำนาจศาลโลก ซึ่งจะหาสืบหาเส้นทางการเงินของนักการเมืองในไทยของสมเด็จฮุนเซนในไทยหรือไม่ เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอย่างเหมาะสม หากจะทำก็ยังพูดไม่ได้ เพราะไม่ใช่เรื่องที่มาคุยกัน
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าถ้าทำก็อาจจะรู้ตัว ถ้าเราพูด เราก็ห้ามพูดใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมระบุว่า ไม่ใช่ ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องนี้ เป็นเรื่องการดำเนินการตามปกติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วเขาจะดำเนินการอย่างนี้ เขาก็จะไม่ออกมาพูดกันว่า ฉันจะไปดำเนินการติดตามอะไรแบบนั้น เป็นหน่วยของหน่วยราชการและกระบวนการยุติธรรม
ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายภูมิธรรม ยืนยันว่าศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ยังคงอยู่ “ยังไม่ได้พูดว่าจะยุบเลยสักคำ”