ฝุ่นตลบ! เกมตั้งรัฐบาลเฉพาะกิจ “ภูมิใจไทย” จ่อคุมเกมโหวตนายกฯ

การเมืองไทยกลับเข้าสู่ความไม่แน่นอนอีกครั้ง หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งชุดต้องพ้นตำแหน่งตามไปด้วย เปิดทางให้การโหวตเลือก “นายกรัฐมนตรี คนที่ 32” ต้องเกิดขึ้นในสภาผู้แทนราษฎร

ขณะนี้ “สมการการเมือง” กำลังเบนไปที่ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเสียงสนับสนุนที่ว่ากันว่ารวบรวมได้แล้วกว่า 283 เสียง แบ่งเป็น

พรรคภูมิใจไทย 68 เสียง (หัก น.ส.ประภา เฮงไพบูลย์
สส.กาฬสินธุ์ 1 เสียง)

พรรคประชาชน 143 เสียง

พรรคกล้าธรรม 25 เสียง

พรรคพลังประชารัฐ 18 เสียง

พรรครวมไทยสร้างชาติ กลุ่ม ส.ส.สุชาติ ชมกลิ่น 16 เสียง

พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง

พรรคเล็ก 4 เสียง

พรรคประชาธิปัตย์ 2 เสียง (สรรเพชร บุญญามณี, สมยศ พลายด้วง สส.สงขลา)

พรรคเป็นธรรม 1 เสียง

แม้เสียงสนับสนุนได้เกินครึ่ง แต่ “ข้อตกลงร่วม” ยังเป็นตัวแปรสำคัญ โดย พรรคประชาชน ที่ถือเสียงสูงสุด 143 เสียง ยังคงยืนยัน 3 เงื่อนไขหลัก คือ

1.นายกรัฐมนตรีใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน

2.ต้องจัดทำประชามติ และตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)

3.พรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาล แต่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านตรวจสอบ

ขณะเดียวกัน พรรคกล้าธรรม ก็ออกแถลงการณ์หนุน “อนุทิน” โดยวางเงื่อนไขชัดเจนว่า หากมีการแก้ไขกฎหมายในอนาคต ต้องไม่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พร้อมผลักดันนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ซึ่ง พรรคภูมิใจไทยรับหลักการแล้ว

ในอีกฟากหนึ่ง พรรคเพื่อไทย เริ่มเผชิญภาวะแตกรัง เมื่อมี ส.ส.บางส่วนโดยเฉพาะกลุ่มของ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ ส.ส.กาญจนบุรี เคลื่อนไปเจรจาร่วมรัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างว่ามีเสียงสนับสนุนในมือกว่า 10 เสียง

วันที่ 30 สิงหาคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ออกมาเปิดเผยแนวทางสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาชน โดยระบุว่า พรรคประชาชนต้องการให้มีการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยมี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง และให้ยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังรัฐบาลชุดใหม่แถลงนโยบาย

นายภูมิธรรม เสนอแนวทางเพิ่มเติมว่า ระหว่างรอ ส.ส.ร. ควรใช้รัฐธรรมนูญปี 40 ซึ่งเป็นฉบับที่ประชาชนมองว่าประชาธิปไตยที่สุดไปพลางก่อน ทั้งยังเสนอให้นำข้อโต้แย้งเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาและเอ็มโอยู 43-44 เข้าไปในประชามติ เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจและยุติความขัดแย้งภายในประเทศ

นายภูมิธรรม เผยด้วยว่า กระบวนการพูดคุยกับพรรคประชาชนอยู่ระหว่างการประสานงานหลังบ้าน เพื่อหาข้อสรุป ก่อนเปิดการพูดคุยอย่างเป็นทางการ โดยย้ำว่า ความคิดและอุดมการณ์ของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยไม่ได้แตกต่างกันมาก

ด้าน พรรคไทยสร้างไทย มีกระแสข่าวว่า สส.ทั้ง 6 คน ได้ตัดสินใจ หนุน “อนุทิน” ซึ่งถือเป็นการเติมเต็มเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล

สถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่โมเมนตัม พรรคภูมิใจไทย กำลังคุมเกม และเดินหน้าไปสู่การโหวตนายกฯ ในต้นเดือนกันยายน หากสามารถปิดดีลกับ พรรคประชาชน ได้สำเร็จ โดยไม่มีการเปลี่ยนใจเกิดขึ้นภายหลัง ก็จะทำให้ นายอนุทิน ขึ้นแท่น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 32” ของประเทศไทย

แต่การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ จนกว่าจะมีการประกาศแต่งตั้งนายกฯ และ รัฐบาลใหม่ออกมา อย่างเป็นทางการ…