สังคมกดดัน กกต. ยืดเยื้อคดี ‘ฮั้ว สว.’ ด้าน DSI ลุยสางคดีอั้งยี่ ขณะอดีต สว. ชี้ “อัปยศอดสู” สภาสูงอยู่ใต้พรรคการเมือง
วันนี้ (20 สิงหาคม) ในเวทีอภิปรายสาธารณะ ‘บทเรียนและทางออก คดีโกงฮั้ว สว.’ จัดโดย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และเครือข่ายองค์กรภาคประชาชน ดำเนินการเสวนาโดย เมธา มาสขาว รักษาการเลขาธิการ ครป. โดยมีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ ร่วมแสดงความคิดเห็น
น.ต. วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะ สว. เสียงข้างน้อย ที่เคยรวบรวมรายชื่อยื่นถอดถอน 136 สว. ให้ศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า สว. ชุดปัจจุบัน หลายคนก็มีความรู้ความสามารถ แต่ก็มีบางคณะวางแผนฮั้วเลือก สว. ซึ่งความจริงไม่ใช่คำว่าฮั้ว แต่เป็น ‘แผนชั่ว’ ที่คิดได้ แต่ไม่ควรทำ ซึ่ง DSI ก็ทราบแล้วว่าใครทำอะไรบ้าง ปัญหาจึงอยู่ที่ หิริโอตตัปปะ คือความเกรงกลัวต่อบาป แม้ไม่ผิดกฎหมาย แต่ขัดต่อศีลธรรม แม้จะเป็นคนดีมีความรู้ความสามารถ แต่เข้าด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง และถูกครอบงำโดยพรรคการเมือง ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญ
น.ต. วุฒิพงศ์กล่าวถึงการรวมรายชื่อเพื่อยื่นถอดถอน 136 สว. ที่มีผู้ร่วมลงชื่อ 21 คน แต่ความจริงควรมีถึง 60 คน แต่บางคนก็ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่มาเซ็น โดยอ้างว่าไม่ศรัทธาในวิธีการนี้ บางคนอาจได้รับข้อเสนอเป็นประธานกรรมาธิการ ซึ่งที่เราทำ ไม่ได้เพราะอยากทำ ทำแล้วคนเกลียดทั้งสภาฯ แต่เราดำเนินการเพราะทนไม่ได้เรื่องการสรรหาองค์กรอิสระมาตัดสินคดีของตนเอง
“ต้องตัดสินใจด้วยความถูกต้อง เพื่อให้ประชาชนไทยไม่ต้องอยู่ภายใต้วงจรอุบาทว์ หากปล่อยไปเรื่อยๆ อีก 7 ปี จะเกิดอะไรขึ้น ต้องปล่อยให้ลูกหลานเรารับกรรมหรือ” น.ต. วุฒิพงศ์กล่าว
วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว.
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา
DSI เร่งรัดคดีอั้งยี่ซ่องโจร เชื่อเสร็จก่อน กกต. ทำคดีเลือกตั้ง
ขณะที่ ชยพล ดโนทัย โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) ชี้ว่า จะมี กกต. 5 จาก 7 คน ที่มาจากการเลือกของ สว. ชุดนี้ ที่เรากังวลมากคือ การทำหน้าที่ของกรรมาธิการสอบประวัติบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นองค์กรอิสระของวุฒิสภา มี สว. เพียง 88 คน จาก 200 คนเท่านั้น ที่เข้าไปมีส่วนร่วมในกรรมาธิการสอบประวัติ และมี 75 คน มีส่วนร่วมกับคดีฮั้ว สว. ด้วย เท่ากับว่า สว. ชุดนี้ กำลังเลือกผู้มาตัดสินคดีนี้ตัวเอง และตอกย้ำความเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน
สำหรับระยะเวลาดำเนินการของ กกต. ที่มีอยู่ 240 วัน หาก กกต. เห็นว่า เรื่องนี้สำคัญก็ควรเร่งดำเนินการ ไม่จำเป็นต้องรอให้ครบกรอบเวลา เพราะหากยืดเยื้อออกไป ก็อาจเกิดปรากฏการณ์ที่ สว. เลือกผู้พิพากษามาตัดสินคดีของตนเองได้
ด้าน ระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ระบุว่า เวลานี้อยู่ในฐานะคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ด้วย จึงอาจไม่ลงลึกรายละเอียดในเรื่องการดำเนินคดี แต่ยืนยันว่า เราดำเนินการโดยไม่มีข้อกดดันใดๆ และ DSI สนับสนุนพยานหลักฐานทั้งหมดที่รวมได้ให้อนุกรรมการของ กกต. เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ ใช้เวลา 3-4 เดือน ก็ได้พยานหลักฐานเพียงพอ จนมั่นใจและแจ้งข้อกล่าวหาไปทั้ง 229 ราย
สำหรับคดีของ DSI ดำเนินการเอง คือคดีอาญาเรื่องอั้งยี่ซ่องโจร ดำเนินการมาได้ 70-80% แต่การดำเนินคดีอาญาต่างจากคดีเลือกตั้ง ต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้มากกว่านี้ โดยความผิดชัดเจนอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์และเชิญผู้ถูกกล่าวหามาชี้แจงเพื่อความเป็นธรรม รวมถึงมีพนักงานอัยการให้คำแนะนำ และร่วมสอบสวนด้วย
“เราน่าจะใช้เวลากันอีกไม่นาน พยานหลักฐานส่วนหนึ่งได้มาจากการร่วมงานกับคณะอนุกรรมการที่ 26 และพยานบุคคล โดยเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน ยืนยันว่าไม่มีแรงกดดัน ไม่มีคำสั่งพิเศษใดๆ ทั้งสิ้น เราว่ากันตามพยานหลักฐานเป็นหลัก ถูกว่าตามถูก ผิดว่าตามผิด” ระวีกล่าว
ระวี อักษรศิริ ผู้อำนวยการกองคดีการฟอกเงินทางอาญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา
อดีต สว. ผิดหวังสภาสูงอยู่ใต้อาณัติพรรคการเมือง
ระวีเปิดเผยด้วยว่า สามารถออกหมายเรียกผู้ต้องหาได้ภายใน 1-2 เดือน รอเพียงรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เพราะคดีอาญารีบเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี พร้อมย้ำว่า คดีฮั้ว สว. เป็นเรื่องที่ DSI ให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก และมั่นใจว่า จะสามารถดำเนินคดีอาญาได้ก่อนคดีเลือกตั้งที่ทำร่วมกับ กกต.
ต่อมา วันชัย สอนศิริ อดีต สว. กล่าวว่า ความจริงแล้ว สว. ในชุดของตน หลายคนอาจมองว่ามาจากการแต่งตั้งของ คสช. แม้สื่อมวลชนหรือสังคมจะประณามหยามเหยียดว่าเป็นทหารเกณฑ์บ้าง รักษามรดก คสช. บ้าง แต่มองว่า รัฐธรรมนูญออกแบบมา คนแม้จะตำหนิวิพากษ์วิจารณ์ แต่ก็รู้ว่าที่มาเป็นเช่นนี้ สว. เก่า อาจรู้สึกอึดอัดในหลายเรื่อง และคิดว่าเมื่อมี สว. ใหม่แล้ว น่าจะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตยเต็มใบเสียที ที่ผ่านมาเป็นครึ่งใบที่ตนเองอยู่ตรงนั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สว. ที่ไม่ได้มาจากการแต่งตั้งของ คสช. เป็นความคาดหวัง เพราะตนเองเข้าใจว่าประชาชนไม่ชอบ สว. ที่ทำงานใต้คำสั่งการ ไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง แต่พอยุคนี้ที่มาจากการเลือกกันเอง ควรเป็นอิสระจริง และไม่อยู่ใต้อาณัติ หรือบังคับจูงจมูกของใคร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 114 จึงรู้สึกว่า ผิดหวัง
เวทีอภิปรายสาธารณะ บทเรียนและทางออก คดีโกงฮั้ว สว.
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา
“แม้แต่ตัวผมเองเป็นมาก็รู้สึกอยู่แล้ว แต่เมื่อกลไกให้อิสระในตัวของคุณอยู่แล้ว ทำไมเราต้องทำตัวไม่อิสระ เป็นเรื่องน่าเสียดาย น่าผิดหวัง น่าเสียใจอย่างมาก และที่สำคัญ ยอมเอาตัวเองไปอยู่ใต้พรรคการเมือง ซึ่งถ้าจะว่าแบบชาวบ้าน ตัวเองเป็นสภาพี่เลี้ยง ควรอยู่ในฐานะกลั่นกรองตรวจสอบ ควรสูงกว่าอีกระดับ แต่ดันทำตัวไปอยู่ใต้อุ้งของพรรคการเมือง และนักการเมือง จึงน่าอัปยศอดสูมากๆ น่ารังเกียจกว่าปกติ” วันชัยกล่าว
วันชัยมองว่า คดีนี้อาจยืดเยื้อถึง 2-3 ปี เพราะในคดีทั่วไป ฝ่ายโจทก์อาจมองว่าช้า แต่ฝ่ายจำเลยจะมองว่าเร็ว และจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างช้าที่สุด และยังมองว่า ผู้ทำหน้าที่กรรมการอาจไม่ได้ตรงไปตรงมา มีหลักฐานปรากฏทั้งในการเลือกระดับอำเภอ จังหวัด โดยเฉพาะระดับประเทศ ที่เกิดขึ้นใกล้ กกต. แทบจะหายใจรดต้นคอ กลับปล่อยไปเหมือนไม่อยากให้เป็นคดี พร้อมเปรียบเทียบว่า เสมือนการปล้นกลางแดดด้วยความโจ่งแจ้ง
วันชัย สอนศิริ อดีต สว.
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา
ร่วมกดดัน กกต. ล่าช้า รู้เห็นเป็นใจขบวนการหรือไม่
ฟาก พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว ในฐานะ สว. ในบัญชีรายชื่อสำรอง กล่าวว่า ในช่วงแรกที่โพยปรากฏออกมาตามสื่อสาธารณะ เลขาธิการ กกต. รีบชี้แจงว่า การพกโพยไม่ผิด แต่เมื่อมีการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่ 26 ก็พบว่า โพยดังกล่าวมีที่มาอย่างเป็นระบบ และจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หาก กกต. ไม่ได้รับรู้หรือขยิบตาด้วย หัวใจสำคัญสุดของกระบวนการนี้คือขั้นตอนการสมัคร เนื่องจากแกนนำกลุ่มได้ไปคุมส่วนราชการในพื้นที่ จึงสามารถสั่งการข้าราชการในพื้นที่ซึ่งได้รับมอบหมายเป็น กกต. ระดับอำเภอด้วย
พล.ต.ท. คำรบกล่าวต่อไปว่า กลุ่มดังกล่าวจึงเกณฑ์คนมาสมัครได้อย่างค่อนข้างสะดวก เกิดจากความหละหลวมของเจ้าหน้าที่ กกต. ในระดับอำเภอ รวมถึงคอยส่งข้อมูลให้กับขบวนการด้วย เป็นหัวใจให้ขบวนการวางคนของตนเองกระจายไปตามกลุ่มต่างๆ ได้ เพื่อสกัดให้ผู้สมัครที่มีชื่อเสียงหลุดไปตั้งแต่รอบอำเภอ ทราบมาว่าทำได้เกือบ 20 จังหวัด ผ่านมาจนถึงระดับประเทศแบบเป็นกลุ่มก้อน เช่น อำนาจเจริญ ที่ได้มาถึง 38 คน จากเกือบทุกกลุ่มในเครือข่ายเดียวกัน
ผู้ที่ร่วมขบวนการนี้มีทั้งนักการเมือง และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เมื่อถึงการเลือกระดับประเทศ มีกลุ่มเครือข่ายนี้เข้ามาด้วยเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมด โดยมีการนัดรวมตัวกันตามโรงแรม แจกโพยที่ได้รับการวางแผนมาแล้ว ว่าให้เลือก 1 คน จากทั้ง 20 กลุ่ม ได้รับเลือกเป็น สว. ทั้งการเลือกในกลุ่มและรอบเลือกไขว้ จนได้ สว. 138 คน ตามที่ DSI ตรวจสอบพบมา
พล.ต.ท. คำรบ ปัญญาแก้ว สว. ในบัญชีรายชื่อสำรอง
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา
ขณะที่ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ระบุว่า นักวิชาการได้เตือน กกต. แล้วว่า ระบบที่รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ออกแบบไว้ หากกลุ่มการเมืองใดรวมตัวกันได้ จะมีคนเข้าสู่วุฒิสภาได้เยอะ และทำให้ระบบองค์กรอิสระเสียหาย แต่ที่เกิดขึ้นคือ ป้องกันได้ก็ไม่ทำ ต้องแก้ก็ไม่แก้ เมื่อแก้ก็ทำให้ช้า ตอนนี้เรื่องใหญ่กว่า สว. มีไว้ทำไม คือ กกต. มีไว้ทำไม
กกต. มีหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา 226 ว่า หากมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า มีการทุจริตในการเลือกตั้ง หรือผู้สมัครรู้เห็นกับการทุจริตของคนอื่น กกต. มีอำนาจยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อสั่งตัดสิทธิสมัคร หรือตัดสิทธิเลือกตั้งของบุคคลนั้น แต่ผ่านมาเกือบปีแล้วกลับไม่พบความคืบหน้า ชี้แจงต่อสื่อมวลชนก็ตอบแบบไม่ตอบ ซึ่งหากเป็นอาจารย์ก็คงไม่ให้คะแนน
อำนาจของ สว. ใหญ่มาก ซึ่งเป็นปัญหาต่อไปในอนาคต สืบเนื่องจากปี 2540 สว. มาจากการเลือกตั้งโดยตรง แต่เมื่อปัจจุบันมีการทุจริต กกต. ควรรีบส่งให้ศาลพิจารณา ท่านใดก็ตามที่ไม่เข้าข่ายตามข้อครหา ศาลก็จะพิพากษาให้พ้นผิดไป ผู้ใดคดโกงก็พ้นตำแหน่งไป ระบบเช่นนี้ต้องเร็ว ไม่ใช่ดึงเรื่องให้ช้า ในทางนิติศาสตร์สอนกันว่า ความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม
(ซ้าย) ปริญญา เทวานฤมิตรกุล (ขวา) ชยพล ดโนทัย
ภาพ: ณาฌารัฐ ภักดีอาสา