โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ปชน.ส่งสัญญาณ ‘ฝ่ายค้านข้างมาก’ ถาม พท.จะยุบสภา หรือโหวตนายกฯ

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2568 เวลา 09.45 น. ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แถลงข่าวขอความชัดเจนกรณีการทูลเกล้าฯ ยุบสภาจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี

โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.ย.) ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้บรรจุวาระการโหวตนายกรัฐมนตรีเข้ามาแล้ว และพรรคเพื่อไทยก็มีมติเสนอแคนดิเดตชิงตำแหน่งนายกฯ แต่กลับมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลได้เสนอความเห็นเพิ่มเติมไปยังสำนักองคมนตรีเพื่อยืนยันการทูลเกล้าฯ ยุบสภา

พรรคประชาชนมีจุดยืนแน่วแน่ว่าฝ่ายบริหารมีอำนาจเต็มในการยุบสภา จึงขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรม เวชยชัย ว่ากระบวนการยุบสภาได้สิ้นสุดลงแล้วหรือไม่ หากกระบวนการยังดำเนินอยู่ ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน เห็นว่าประธานสภาฯ ควรทบทวนการบรรจุญัตติการโหวตนายกฯ จนกว่าจะมีความชัดเจนเรื่องยุบสภา แต่หากรัฐบาลยืนยันว่ากระบวนการสิ้นสุดแล้ว สภาผู้แทนราษฎรก็จะได้ดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไป

“พรรคเพื่อไทยมีความย้อนแย้งในตัวเอง ด้านหนึ่งมีข่าวออกมาว่าเตรียมเสนอแคนดิเดตนายก แต่กลับมีกระแสข่าวว่ายังดำเนินการในการยุบสภาอยู่ ผมจึงต้องเรียกร้องขอความชัดเจนจากคุณภูมิธรรม ว่าตกลงได้ยุติเรื่องการยุบสภาแล้วหรือไม่ อย่างไร” หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ตนไม่เห็นด้วย กรณีที่มีพรรคการเมืองแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาต่อคุณภูมิธรรม กรณีการทูลเกล้าฯ ยุบสภา และได้เรียกร้องให้พรรคการเมืองดังกล่าวดำเนินการถอนคำกล่าวโทษ เพื่อให้ทุกฝ่ายเดินหน้าหาทางออกให้ประเทศ โดยไม่มีการใช้กฎหมายทำลายล้างกันทางการเมืองหรือที่เรียกว่านิติสงคราม ไม่ว่าต่อฝ่ายใดก็ตาม

“การดำเนินการของฝั่งพรรคเพื่อไทยเอง อาจย้อนแย้งในตัวเอง ทั้งในพรรคเตรียมเสนอแคนดิเดตนายกฯ แต่กลับเตรียมดำเนินการเรื่องยุบสภาฯอยู่ ผมจึงต้องเรียกร้องขอความชัดเจนจากนายภูมิธรรม ได้ยุติกระบวนการยุบสภาฯแล้วหรือไม่อย่างไร” นายณัฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าได้ยินกระแสข่าวมาอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นกระแสข่าวได้ยินมาว่า เตรียมนำความเห็นประกอบเพิ่มเติมเสนอสำนักองคมนตรี อยากได้ความชัดเจนว่าขณะนี้ยุติแล้วหรือไม่ และพร้อมเดินหน้าโหวตเลือกนายกฯใหม่แล้วใช่หรือไม่

เมื่อถามว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จุดยืน ปชน.จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า “ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยังยืนยันอย่างหนักแน่นอีกหนึ่งครั้งว่า มติของพรรคที่ผ่านกระบวนการฟังความเห็นอย่างรอบด้าน ไตร่ตรองทบทวนมาอย่างดีแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้คือ นายกรักษาการมีอำนาจยุบสภา แต่รัฐบาลกลับย้อนแย้ง และไม่ชัดเจนในส่วนนี้ อย่างที่แถลงตอนต้น ถ้ารัฐบาลคาราคาซัง พวกเราเห็นควรว่า ควรดำเนินการตามที่ประธานสภาฯ ใช้ดุลพินิจบรรจุวาระ โหวตเลือกนายกฯต่อไป

“สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเรื่องการยืนยันในหลักการ เราพูดมาโดยตลอด เราไม่เห็นด้วยกับกระบวนการนิติสงคราม สิ่งที่ประชาชนไม่อยากเห็น ณ ตอนนี้คือใครจะขึ้นมามีอำนาจ และใช้กระบวนการทุกอย่าง ใช้อำนาจที่ตัวเองได้รับ เล่นงานฝ่ายตรงข้าม ถ้าเกิดกรณีแบบนี้ขึ้น ไม่ว่า ภท.หรือใครก็ตามที่ ปชน.ยืนยันมติเลือกนายอนุทิน เราก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว สิ่งที่เกิดวันนี้ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ส่งสัญญาณว่าไม่เห็นด้วยดำเนินคดีกับนายภูมิธรรม” นายณัฐพงษ์ กล่าว

เมื่อถามว่าเรื่องนี้อยู่ในข้อตกลงร่วมกับ ภท.หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในข้อตกลงลายลักษณ์อักษร การดำเนินการต่อจากนี้ จะใช้เสียงที่เรามีกำกับทิศทางของประเทศ โดยใช้ฝ่ายค้านเสียงข้างมากกำกับทิศทาง

ส่วนข้อครหาว่าเป็นนั่งร้านสีน้ำเงินหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า อยู่ที่การแสดงออก การใช้เสียงในสภาฯที่พวกเรามี การแถลงข่าวชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยดำเนินคดีกับนายภูมิธรรม เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างการแสดงออกของพวกเราว่าจะใช้เสียงกำกับทิศทางรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างไร

“ภายนอกสภาฯเอง เราคงห้ามคนไปยื่นคดีฟ้องร้องไม่ได้ ตนไม่ได้มีอำนาจกำกับการทำงานของ สส.แต่ละคน ถ้าเขาอยู่พรรคอื่น แต่ถ้ามีการดำเนินการอะไรไปแล้ว เชื่อมั่นว่า 140 กว่าเสียงที่เรามี เป็นฝ่ายค้านเสียงข้างมาก จะเป็นอำนาจในสภาฯ ที่เรากำกับทิศทางการทำงานของ สส.ได้” หัวหน้าพรรค ปชน.กล่าว

หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวย้ำอีกครั้งว่า การเซ็น MOA (ข้อตกลงร่วม) ครั้งนี้ไม่ใช่พวกเราไปร่วมรัฐบาล เราไม่มีอำนาจใด ๆ ที่จะสั่งห้ามไม่ให้เขาทำอะไรเป็นการล่วงหน้า และการที่รัฐบาลเอง หรือการดำเนินการต่าง ๆ เองเป็นสิทธิของเขา แต่ถ้ารัฐบาลทำสิ่งไม่ถูกต้อง ขัดต่อหลักการเรา เราพร้อมใช้เสียงในสภา กำกับทิศทางให้เดินไปในทางที่เราคิดว่าถูกต้อง โดยการแถลงข่าวครั้งนี้ต่อสาธารณชน เป็นการพูดคุยอย่างเป็นทางการ เชื่อว่า ภท.และทุกฝ่ายที่รวมเสียงกับ ภท.ได้เห็นสัญญาณที่ตนส่งไปแล้ว

เมื่อถามถึงการสนับสนุนพรรค ภท.อาจทำให้โหวตเตอร์สีส้มไม่ยอมรับ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในช่วงสั้น ๆ ต้องยอมรับข้อเท็จจริงประเมินกระแสที่ได้ยินมาว่า โหวตเตอร์หรือผู้สนับสนุนพรรคบางส่วนไม่สบายใจ อันนี้พวกเราเข้าใจดี และเชื่อว่าพวกเรารับฟังเสียงรอบด้านแล้ว แต่ก่อนจะออกมาเป็นมติผู้บริหารพรรค พวกเรารับฟังเสียงทุกองคาพยพรอบด้านแล้ว และยืนยันว่าการตัดสินใจของพรรค โดยเฉพาะสมาชิก ปชน.เจ้าของพรรคตัวจริง เห็นไปในทิศทางเดียวกับที่เรามีมติออกมา การทำให้คะแนนความนิยมพรรคเพิ่มมากขึ้น หรือผู้สนับสนุนพรรคเข้าใจว่าเราต้องดำเนินการอย่างนี้ เป็นไปเพื่ออะไร เป็นหน้าที่ที่เราต้องดำเนินการต่อ เชื่อว่า 4 เดือนหลังจากนี้ ถ้า ปชน.กำกับทิศทางไปตามข้อตกลงกับพรรค ภท. ทุกคนจะเข้าใจดี

“ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ เราประเมินรอบด้านแล้ว เราพร้อมใช้ 140 กว่าเสียงที่มี ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ส่วนที่หลายคนกังวลว่า ปชน.อาจถูกหลอกนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่แต่ละคนประเมินได้ว่าถูกหลอกหรือไม่ เราประเมินฉากทัศน์อย่างรอบด้าน ข้อเสนอนี้เรามองเห็น และเสนอมา 2 เดือนแล้ว ยืนยันอีกครั้งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เราประเมินสถานการณ์เปลี่ยนแปลงมาตลอด ทางเลือกนี้ดีสุดสำหรับประเทศ ไม่ใช่สำหรับพรรค ปชน.

เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะไปจับมือกับพรรค ภท.ตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดไปถึงตรงนั้นว่าจะจับกับใคร สิ่งที่สำคัญตอนนี้ เดินหน้าเพื่อนำไปสู่การยุบสภาฯ เปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ ถ้าเกิดขึ้นอีกสิ่งหนึ่งคือการเสนอนโยบาย รณรงค์หาเสียง เพื่อให้ได้ สส.ในสภาฯมากสุด ถึงบอกได้ว่าหน้าตารัฐบาลใหม่เป็นอย่างไร ตอนนี้สิ่งที่บอกได้ในนามหัวหน้าพรรค ปชน.เราพร้อมลงสนามเลือกตั้ง และเป้าหมายคือได้เสียงข้างมากในสภาฯ

“เป็นสิ่งที่เราต้องฟังเสียงสะท้อน และทำความเข้าใจอย่างรอบด้าน แต่ตนก็ยืนยันอีกหนึ่งครั้งว่า สิ่งที่พรรค ปชน.ต้องพยายามทำคือ การใช้อำนาจที่พวกเรามี ได้รับจากประชาชน ใช้อำนาจในสภาฯ ในการกำกับทิศทางของประเทศ นำไปสู่ทางออก ซึ่งเราทำกันอยู่แล้ว” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ตอนนี้สิ่งที่เราเห็นผลจากโพลต่าง ๆ จะพบว่าประชาชนอาจเริ่มผิดหวัง หรือเริ่มขาดความศรัทธาจากนักการเมืองจากการเลือกตั้ง ตนไม่อาจทิ้งความหวังตรงนี้ เรายืนยันว่าต้องใช้อำนาจในระบบหาทางออกให้กับประเทศ

เมื่อถามว่าหาก ภท.ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดละเมิดข้อตกลงร่วม ปชน.จะเลิกสนับสนุนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ทันที รวมถึงอาจดำเนินการอื่นใด ถึงแม้ไม่ได้เขียนไว้ในลายลักษณ์อักษร แต่วิญญูชนเห็นได้ว่ากระทำไม่ถูกต้อง เราพร้อมดำเนินการทันที ตนคงไม่สามารถให้รายละเอียดได้ เช่น แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพื่อล้างคดีให้กับกลุ่มผลประโยชน์พวกพ้องตัวเอง พวกเรายอมรับไม่ได้เช่นเดียวกัน

“มีกลไก มาตรา 151 อยู่ ถึงแม้โหวตนายกฯไปแล้ว โดย ภท.ต้องคงสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อย เรายังมีกลไกซักฟอกกำกับทิศทางรัฐบาลได้อยู่” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...