ท่องเที่ยว ‘จีน’ บูม จ่อทำเงิน 42,000 ล้านดอลลาร์ ช่วยหนุนเศรษฐกิจ
บลูมเบิร์กรายงานว่า “จีน” อาจสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศและจากนักท่องเที่ยวต่างชาติได้มากถึง 42,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.3 ล้านล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาการบริโภคที่ซบเซา
รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการท่องเที่ยวในประเทศและการยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่กำลังพยายามฟื้นตัว
ชาวจีนกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศ และหันมาท่องเที่ยวในประเทศแทน ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเศรษฐกิจของจีน เพราะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และเป็นแหล่งรายได้สำคัญในขณะที่เศรษฐกิจกำลังพยายามฟื้นตัว
การวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence ชี้ว่า มีเม็ดเงินถึง 27,000 ล้านดอลลาร์ ที่ถูกเปลี่ยนจากแผนการเดินทางไปต่างประเทศมาเป็นการใช้จ่ายภายในประเทศแทน นอกจากนี้ ยังมีรายได้อีก 15,000 ล้านดอลลาร์ ที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาจีนผ่านโครงการยกเว้นวีซ่า
ตลาดค้าปลีกซบเซา
ยอดขายค้าปลีกในปี 2568 มีแนวโน้มที่น่าผิดหวัง โดยคาดว่าจะขยายตัวเพียง 4.1% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่เคยคาดไว้
รัฐบาลจีนกำลังเผชิญกับความท้าทายในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยหลายด้าน ได้แก่
- แรงกดดันจากสหรัฐ: ภาษีศุลกากรจากสหรัฐกำลังส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของเศรษฐกิจ
- ปัญหาภายในประเทศ: จีนกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด, การลงทุนที่ชะลอตัว, ข้อจำกัดในการกู้ยืมของรัฐบาลท้องถิ่น, และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซา
- มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มลดประสิทธิภาพ: โครงการเงินอุดหนุนเพื่อเปลี่ยนรถเก่าเป็นเงินสดเริ่มมีผลกระทบน้อยลง สะท้อนให้เห็นถึง "ความเหนื่อยล้าจากการอุดหนุน" ของผู้บริโภค ซึ่งทำให้ยอดขายปลีกเติบโตช้าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบปี
นักวิเคราะห์คนนำโดย แคทเธอรีน ลิม, ชาง ชูและเอริก จู ระบุในรายงานว่า “แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรงสำหรับสินค้าอื่นๆ จะเริ่มมีข้อจำกัด แต่ภาคการท่องเที่ยวกลับกลายเป็นตัวเร่งที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการบริโภค เนื่องจากนักวิเคราะห์มองว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวมากขึ้น ถือเป็นแรงหนุนที่น่าเชื่อถือและยั่งยืนกว่า”