4 สตาร์ตอัปพลิกเกม! โชว์นวัตกรรมสุดล้ำ ดันอาหารไทยสู่ตลาดโลก

ประเทศไทยมีชื่อเสียงในฐานะ "ครัวของโลก" และมีศักยภาพในการยกระดับจากการเป็นผู้ส่งออกวัตถุดิบและอาหารดั้งเดิม ไปสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอาหารที่ผสานเอกลักษณ์ไทยกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ การเข้าสู่ตลาดพรีเมียมและตลาดเฉพาะกลุ่มจะช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกและสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมอาหารไทยในระยะยาว

ตลาดอาหารโลกในปัจจุบันมีมูลค่าเกิน 2.5 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพที่มีการเติบโตประมาณ 25% ต่อปี ส่วนตลาดอาหารแพลนต์เบสนั้นมีการขยายตัวสูงถึง 70% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น รวมถึงความตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ได้สร้างโอกาสใหม่ให้กับผู้ประกอบการที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เหล่านี้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีขนาดใหญ่และเติบโตเร็ว

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ได้จัดทำโครงการ Thai Kitchen: Crafted Food Tech Accelerator Program ขึ้น เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการพัฒนานวัตกรรมด้านอาหาร โดยมุ่งเน้นการสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลก การสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อาหารไทย และการยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่ระดับสากล

โดยมีผลิตภัณฑ์ทั้ง 10 รายการที่ได้รับการพัฒนาในโครงการดังกล่าว สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของผู้ประกอบการไทยในการตอบสนองเทรนด์โลกด้านอาหารเพื่อสุขภาพ ความยั่งยืน และการอนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรม ซึ่งจะช่วยสร้างตำแหน่งที่ชัดเจนให้กับประเทศไทยในตลาดอาหารโลก

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

NIA เปิด 5 โปรแกรม ปั้นสตาร์ตอัป ระดับยูนิคอร์น เชื่อมไทยสู่ตลาดโลก

อาหารแห่งอนาคต-สุขภาพโต กำแพงภาษี-เศรษฐกิจโลกไม่ใช่อุปสรรค

Fruii Coconut Gummies น้ำตาลต่ำ คุณค่าเพียบ

สารภี ยวดยง ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการ บริษัท ชีวาดี โปรดักส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์จากน้ำช่อดอกมะพร้าว ซึ่งได้นำเสนอ Fruii Coconut Gummies กัมมี่จากช่อดอกมะพร้าวแท้ 100% ดัชนีน้ำตาลต่ำ ไม่มีสารกันเสีย ใช้เทคนิคการผลิตที่คงคุณค่าจากธรรมชาติ เล่าว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจน้ำช่อดอกมะพร้าวมาเกิดจากความฝันของตนเองที่ต้องการผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เพื่อช่วยลดปัญหาสุขภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลผลิตนั้นๆ

“ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรค NCDs จำนวนมาก และเราต้องการช่วยเหลือผู้คนให้พ้นจากความเจ็บป่วยโรคดังกล่าว ซึ่งพบว่าโรคดังกล่าวปัจจัยหลัก เกิดจากการกิน ได้หันมาสนใจภูมิปัญญาชาวบ้านและมองหาสิ่งที่คนอื่นยังไม่ได้พัฒนาต่อยอด พบว่าน้ำช่อดอกมะพร้าวในประเทศไทยยังขาดการพัฒนาอย่างจริงจัง เมื่อเทียบกับฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย จึงได้เริ่มต้นวิจัยเพื่อพิสูจน์คุณประโยชน์ของน้ำตาลมะพร้าวต่อโรคเบาหวาน หัวใจ และความดันโลหิต ด้วยการพัฒนานวัตกรรม โดยมีผลผลิตแรกคือ น้ำส้มสายชูหมักจากดอกมะพร้าว”

คุณภาพ-มาตรฐานระดับโลกเจาะตลาด

14 ปีแห่งการเดินทางของ “Chiwadi” ได้มีการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ต่อยอด และศึกษาทางคลินิกอย่างต่อเนื่อง โดยมีการศึกษาครั้งที่สอง ซึ่งได้ทุนจาก NIA ในการยืนยันว่าน้ำส้มสายชูหมักจากดอกมะพร้าวมีคุณประโยชน์สูงกว่าไซเดอร์ทั่วไป เพราะสามารถช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ ขับเคลื่อนระบบเผาผลาญ ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อผิวพรรณ การนอนหลับ และความสุขโดยรวม และได้รับการสนับสนุนต่อเนื่องจากNIA ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์

สารภี กล่าวต่อว่าขณะนี้ได้มีการขยายสายผลิตภัณฑ์มากขึ้น ทั้ง เครื่องดื่ม Sparkling Cider (FUI) ที่ผสมผสานความเปรี้ยวจากน้ำส้มสายชู ความหวานจากน้ำช่อดอกมะพร้าว และโซดา เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความสดชื่น เหมาะสำหรับวัยทำงานและผู้ที่ต้องการความสดใส , มีซอสปรุงรสเพื่อสุขภาพ ,Vegan Fish Sauce น้ำปลา ซีอิ๊ว ที่พัฒนาจากน้ำหวานดอกมะพร้าวเพื่อลดปริมาณโซเดียม ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับผู้ป่วย ,เครื่องสำอาง มีการพัฒนาเครื่องสำอางจากน้ำหวานดอกมะพร้าวด้วย และกัมมี่ (Gummy) เป็นต้น

“ทุกผลิตภัณฑ์จะเน้นตอบโจทย์เทรนด์การบริโภค Snack ที่กำลังเติบโต โดยใช้น้ำช่อดอกมะพร้าวเป็นส่วนประกอบหลัก แทนน้ำตาลที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เพื่อให้ได้แร่ธาตุและกรดอะมิโน ซึ่งปัจจุบันตั้งเป้าเป็น "Healthy Snack" แทน "Supplement" เพื่อให้ผู้คนสามารถบริโภคได้บ่อยขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น (โดยลดราคาให้เหมาะสม) และเน้นการตลาดแบบ B2Bและ B2C ให้มากขึ้น ด้วยการใช้คุณภาพของสินค้าและมาตรฐานระดับโลกเป็นอาวุธในการเจาะตลาด”

3 Smart Pillars อัพ “มอลคาม (Mallkam)”

“มอลคาม (Mallkam)” ธุรกิจแปรรูปมะขามที่ต่อยอดมาจากธุรกิจครอบครัว เริ่มต้นจากการซื้อขายมะขามเปียก ก่อนจะพัฒนาสู่การเป็นผู้ผลิตน้ำมะขามเปียกพร้อมใช้ โดยเน้นการยกระดับสินค้าเกษตรด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและความแตกต่างในตลาด

1 ใน10 ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการสนับสนุนจาก NIA “นพเก้า อยู่ภักดี” กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสวงพัฒน์ จำกัด เล่าว่าเดิมครอบครัวทำธุรกิจซื้อมาขายไปเกี่ยวกับมะขามเปียกอยู่แล้ว และหลังจากทำงานที่กรุงเทพฯ ก็ได้กลับไปสานต่อธุรกิจที่บ้าน จ.ชัยภูมิ โดยได้เริ่มแปรรูปมะขามและขยายตลาดไปยังต่างประเทศ (อังกฤษ) เป็นที่แรก ซึ่งศักยภาพของตลาดมะขามเปียกที่เติบโตขึ้นมาก และพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น จึงพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำมะขามเปียกพร้อมใช้ และก้าวเข้าสู่ "เกษตรนวัตกรรม"

นพเก้า อธิบายต่อว่าบริษัทได้มีก้าวสู่เกษตรนวัตกรรม ด้วยกลยุทธ์ 3 Smart Pillars เพื่อสร้าง Smart Ingredient จากมะขามเปียก ประกอบด้วย

1. Smart Farm การควบคุมต้นน้ำ โดยสวนของบริษัทเองและรวบรวมเกษตรกรเครือข่ายกว่า 200 ไร่ ในจังหวัดชัยภูมิและพื้นที่ใกล้เคียง ส่งเสริมการปลูกมะขามภายใต้มาตรฐาน GAP เพื่อรับประกันคุณภาพวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทาง

2.Smart Factory มีการนำเทคโนโลยีการผลิต อย่าง เทคโนโลยี "Herden Technology" หรือเทคโนโลยีผสมผสาน โดยมีแนวคิดหลักคือ "Low Temp Concentration" การรักษาสารอาหาที่ยังมุ่งเก็บความสดใหม่ รักษากลิ่น สี รสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการ (แคลเซียม แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ) ของมะขามให้ใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด

3.Smart Marketing มองหาตลาดทั้ง B2B ในและต่างประเทศ B2C แบรนด์ "Mallkam" จัดจำหน่ายในช่องทาง Modern Trade (7-Eleven, Big C, Lotus) และร้านค้าปลีก รวมถึง OEM เป็นผู้ผลิตเบื้องหลัง (หลังบ้าน) ให้กับหลายแบรนด์ มากขึ้น

“มอลคาม ตั้งเป้าให้มะขามเป็น Smart Ingredient ที่ใช้งานง่าย สะดวกสบาย และเข้าได้กับทุกธุรกิจ (Food Industrial, Restaurant, End User) พร้อมทั้งเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของมะขามเปียก เพราะมะขามเปียกถือเป็น "DNA ของอาหารไทย" แต่ถูกด้อยค่า มอลคามจึงพยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ผ่านการทำงานร่วมกับ Food Influencer, Michelin Star Chef และการออกบูธ เพื่อให้เป็น Top of Mind ของลูกค้าเมื่อนึกถึงน้ำมะขามเปียกจะนึกถึงมอลคาม และทำให้มะขามกลายเป็นพืชเศรษฐกิจนวัตกรรม ลดการเผาในพื้นที่เพาะปลูกพืชอื่น (อ้อย, มันสำปะหลัง)และช่วยเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรไทย”

“เทคโนโลยีฟรีซดราย”สร้างมูลค่าผลไม้

“ภูมิรัติ์ ศิริพจน์โศภณ กรรมการผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอช สตาร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (Ace Star International Trading Company Limited) เล่าว่าบริษัทเริ่มต้นเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว โดยมีสวนผลไม้เป็นของตัวเองขนาด 44 ไร่ ที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เน้นการส่งออกผลไม้สดเป็นหลัก และมีการจัดจำหน่ายในประเทศร่วมด้วย หลังจากดำเนินธุรกิจไประยะหนึ่ง บริษัทเล็งเห็นว่าสามารถเพิ่มมูลค่าให้สินค้าได้มากกว่าการขายผลไม้สด จึงเริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป

บริษัท เอช สตาร์ฯ ก้าวสู่ผลิตภัณฑ์ผลไม้แช่แข็ง (freeze-dried) จำนวน 5 ชนิด ได้แก่ ขนุน, ลำไย, เงาะ,ทุเรียนหมอนทอง และมังคุด เป็นของว่างเพื่อสุขภาพ ไม่มีน้ำตาล เจและมังสวิรัติทานได้ โดยใช้ผลไม้แท้ 100% สามารถมีอายุการเก็บรักษา 18 เดือน ต่อมาได้มีการต่อยอดเป็นข้าวเหนียวมะม่วงฟรีซดราย, ข้าวเหนียวทุเรียนฟรีซดราย ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติและคนไทยอย่างมาก

“การเลือกใช้เทคโนโลยีฟรีซดราย (Freeze-dry) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ใช้ความร้อนสูงในสภาพความดันที่ไม่เป็นสุญญากาศ ช่วยรักษาสารอาหารและคุณค่าทางโภชนาการทั้งหมดของผลไม้ไว้ได้ แม้จะดึงน้ำออกไปจนหมด และไม่มีการเติมสารปรุงแต่งใดๆ เช่น น้ำตาล สารกันบูด หรือไขมัน และยิ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า โดยการนำขนมหวานไทยที่ชาวต่างชาติรู้จักอยู่แล้วมาประกอบกับผลไม้ ซึ่งหลังจากนี้มีแผนโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น ไอติมกะทิ และขนมครกในรูปแบบฟรีซดมากขึ้น”

“ทุนนวัตกรรม”ความอยู่รอด SME

ทั้งนี้ ผลผลิตผลไม้จากจันทบุรีมักจะออกผลพร้อมกันทั่วภาคตะวันออก ทำให้ราคาผลไม้ตกต่ำและเกษตรกรไม่ได้รับผลกำไรที่เหมาะสมกับการลงทุน การแปรรูปผลไม้และขนมหวานไทยที่มีการนำผลไม้ไปใช้ จะช่วยให้สามารถส่งออกได้ตลอดทั้งปีและสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน

ภูมิรัติ์ กล่าวต่อว่าทุนนวัตกรรมมีความสำคัญอย่างมากสำหรับสตาร์ตอัป หรือ SME เพราะการนำนวัตกรรมมาใช้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า และสร้างความยั่งยืนได้ ความร่วมมือกับ NIA นั้นทางบริษัทมองว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนในหลายด้าน เช่น ที่ปรึกษา, พาร์ทเนอร์, การสร้างคอนเนคชั่น, การจดสิทธิบัตร และเงินทุน เพื่อช่วยให้บริษัทก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน ทั้งในการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายตลาดที่มีเป้าหมายจะขยายตลาดตะวันออกกลาง อย่าง ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเคยไปงานแฟร์ในประเทศซาอุดีอาระเบีย และได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม จากการได้รับคัดเลือกจาก NIA ในโครงการ Thai Kitchen: Crafted Food Tech Accelerator Program เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนมากขึ้น และเกิดความร่วมมือกับคู่ค้าและองค์กรขนาดใหญ่เพื่อการขยายตลาดและผลักดันสินค้าไทย

“มุกป๊อป” สารสกัดจาก 5 สมุนไพรไทย

ตบท้ายด้วย บริษัทสตาร์ตอัปจากรั้วจามจุรี ซึ่งเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Encapsulation เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการบริโภคสารสกัดจากธรรมชาติ โดยเฉพาะสมุนไพรไทย

“นัยพัช นิตยสุทธิ์ นักวิจัย บริษัท นาอีฟ อินโนว่า จำกัด กล่าวว่าบริษัท นาอีฟ ฯเป็น Spin-off จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมีนักวิจัยจากจุฬาฯในการดำเนินการพัฒนา เทคโนโลยี Encapsulation ซึ่งเป็นการนำสารสกัดจากธรรมชาติมาทำให้อยู่ในรูปแบบนาโนพาร์ติเคิล (nano particles) หรือการห่อหุ้มสารทำให้สารออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น ดูดซึมได้ดีขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อใช้กับร่างกาย โดยสามารถส่งต่อเทคโนโลยีนี้ให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (pitch care)

“ไข่มุกป๊อป หรือมุกป๊อป เป็นผลิตภัณฑ์สารสกัดจากสมุนไพรหลัก 5 ชนิด ได้แก่ ขมิ้นชัน สาหร่ายสีแดง (แอสต้าแซนทีน) พลูคาว เปลือกผลเมล็ดกาแฟ และชาเขียว โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองการบริโภคสมุนไพรให้กินง่ายขึ้น เนื่องจากสมุนไพรทั่วไปมีรสขม กลิ่นไม่หอม และไม่เป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กหรือวัยรุ่น การนำมานวัตกรรมมาใช้เป็นมุกป๊อป ห่อหุ้มสารสกัดสมุนไพรในรูปแบบเม็ดมุกป๊อป เพื่อลดกลิ่นและรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ของสมุนไพร แต่ยังคงสรรพคุณของสมุนไพรไว้ครบถ้วน”นัยพัช กล่าว

สารสกัดสมุนไพรทั้ง 5 ชนิดมาจากประเทศไทยทั้งหมด เพื่อส่งเสริมเกษตรกรไทยและลดการนำเข้าโดยเน้นคุณสมบัติด้านการต่อต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ ซึ่งสำคัญต่อสุขภาพของคนไทยที่กำลังเผชิญกับมลภาวะทั้งสิ่งแวดล้อมและคุณภาพอากาศที่ไม่ดี รวมถึงช่วยผ่อนคลายความเครียด บำรุงลำไส้ และสมอง

หนุนสมุนไพรไทยโกอินเตอร์ด้านอาหาร

นัยพัช กล่าวต่อไปว่าอยากให้คนไทย เด็กไทยหันมาดูแลสุขภาพด้วยการลองทางสมุนไพรผ่านรูปแบบทั่วไปที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย แถมมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก เพราะไข่มุกป๊อป จะไม่ผสมแป้ง ไม่มีไม่มีน้ำตาล ไม่มีสารกันเสียแต่ต้องเก็บไว้ในที่เย็น เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่อยากลองกินสมุนไพรแต่กังวลเรื่องรสชาติ

ระยะเวลา 4-5 เดือนในการเปิดตัว “ไข่มุกป๊อป” อยู่ในช่วงทดลองตลาดและหา Early Adopter (ลูกค้ากลุ่มแรกๆ) ซึ่งมีช่องทางจัดจำหน่ายทาง Line Official เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนผสมที่ลูกค้าสามารถนำไปใส่ในเครื่องดื่มหรือท็อปปิ้งได้ ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพและ Wellness ที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไม่นิยมอาหารหวานหรือแป้งมากนัก รวมถึงมีแผนเจาะตลาด Mass Product เช่น ไอศกรีม หรือเยลลี่ เพื่อนำเสนอทางเลือกที่ Healthy มากขึ้น

“การสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานงานที่เกี่ยว อย่าง NIA มีความสำคัญอย่างมาก เพราะการให้ทุนนวัตกรรม ทุนสนับสนุน และบ่มเพาะสตาร์ตอัป เป็นการเปิดโอกาสให้แก่สตาร์ตอัป และ SME ที่ทุนอาจจะยังไม่เพียง ต้องมีการศึกษางานวิจัย และคิดค้นนวัตกรรมอีกมาก เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถยกระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์อาหารไทย สมุนไพรไทยสู่ตลาดโลกมากขึ้น” นัยพัช กล่าวทิ้งท้าย

ผลิตภัณฑ์ 10 รายการในโครงการ Thai Kitchen

ทั้งนี้ ภายในงานได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั้ง 10 รายการที่ได้รับการพัฒนาและสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ในฐานะผู้ประกอบการที่มีเทคโนโลยีโดดเด่น พร้อมเสิร์ฟนวัตกรรมอาหารเหล่านี้สู่โต๊ะอาหารทั่วโลกในโครงการ ดังนี้

Theme 1 Plant-Based Gourmet from Thailand: อร่อยจากพืช สู่ครัวโลก

นวัตกรรมอาหาร Plant-Based จากฝีมือคนไทยที่ได้รับการคัดเลือกเข้าสู่ Thai Kitchen: Crafted Food Tech Accelerator Program

อาหารจากพืชที่ทั้งรสชาติดี คุณภาพสูง และมีเอกลักษณ์เฉพาะของไทย แตกต่างจาก Plant-Based ในตลาดโลกที่มักเน้นเลียนแบบเนื้อสัตว์ กลุ่มนี้คือการสร้างสรรค์เมนูที่ทั้งอร่อย และดีต่อสุขภาพ พร้อมแข่งขันในตลาดพรีเมียมและตลาดสุขภาพทั่วโลก

• Molly Ally – Plant-Based Ice Cream
  ไอศกรีมแพลนต์เบสสูตรไขมันพืชหลากชนิด เนื้อครีมมี่ รสชาติอร่อยเหมือนไอศกรีมพรีเมียมจากนมวัว แต่ไม่มีคอเลสเตอรอลและน้ำตาลต่ำ
• AVAGAN – Plant-Based Cheese
  ชีสแพลนต์เบสจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์และถั่วเหลือง เนื้อนุ่ม ละลายได้ รสชาติกลมกล่อมแบบชีสแท้ แต่ปราศจากแลคโตสและคอเลสเตอรอล
• Khemkon Foods – PlantKraprow™
  ซอสกะเพราพร้อมใช้ 100% แพลนต์เบส ที่ยังคงรสชาติไทยดั้งเดิมเข้มข้น ออกแบบให้ใช้ง่ายสำหรับเชฟ ร้านอาหาร และส่งออก

Theme 2 Freedom to Eat: อิสระบนโต๊ะอาหารจากนวัตกรรมไทย

อาหารจากไทยที่เปิดโลกการกินให้กว้างขึ้นกว่าที่เคย ทั้งอร่อย หลากหลาย และเต็มคุณค่า ผลิตภัณฑ์ทั้งสามผสานวัตถุดิบไทยกับนวัตกรรมการผลิตสมัยใหม่ เพื่อสร้างเมนูที่ทุกคนเพลิดเพลินได้ในทุกวัน ไม่ว่าจะชอบเมนูเส้น เมนูเบเกอรี่ หรืออาหารเพื่อเพิ่มพลัง ก็สามารถดื่มด่ำกับรสชาติได้อย่างไร้ขอบเขต

• Eggyday – LeanBite White Egg Protein
  เส้นและข้าวจากไข่ขาว โปรตีนสูง ไขมันต่ำ เก็บง่าย พร้อมเสิร์ฟรสชาติและพลังให้ทุกมื้อของคุณ
• Plant Origin – Exx Egg Replacer
  ผงทดแทนไข่จากรำข้าว Hydrolysate โปรตีนย่อยง่าย ใช้สร้างสรรค์เมนูได้ไม่รู้จบ ตั้งแต่เบเกอรี่เนื้อนุ่มไปจนถึงเมนูคาวรสละมุน
• Foodle Noodle – Thai Rice Noodles
  เส้นข้าวไทย Low GI ใยอาหารสูง ปรุงได้ทั้งเมนูไทยและสากล เติมเต็มความสุขของมื้ออาหารในทุกสไตล์

Theme 3 Thai Heritage Reinvented: นวัตกรรมเอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก

การเดินทางครั้งใหม่ของวัตถุดิบและขนมไทย ที่ไม่ได้หยุดอยู่เพียงรสชาติแบบดั้งเดิม แต่ต่อยอดด้วยเทคโนโลยีการผลิตและการพัฒนาสูตร จนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมแข่งขันในตลาดโลก ทั้งยังสะท้อนความคิดสร้างสรรค์และความภูมิใจในความเป็นไทย

• SWP – Mollkam Tamarind Paste
  น้ำมะขามเข้มข้นจากพันธุ์มะขามไทยแท้ ผ่านกระบวนการ Low-Temp ที่เก็บรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการราวกับเพิ่งเก็บจากต้น
• ASI – Starry Snacks
  ขนมและผลไม้ไทยฟรีซดราย เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง ผลไม้กรอบ คงรสชาติและกลิ่นหอมแบบไทยแท้ พร้อมบรรจุภัณฑ์ส่งออก และรับผลิต OEM
• Naive Innova – QminiX Herbal Popping Beads
  ไข่มุกสมุนไพรไทยเทคโนโลยีเจลาตินไลซ์ เก็บคุณค่าสารออกฤทธิ์จากสมุนไพรทุกเม็ด เพิ่มมูลค่าให้กับเครื่องดื่มและขนม
• Chiwadi – Fruii Coconut Gummies
  เยลลี่จากช่อดอกมะพร้าวแท้ 100% ดัชนีน้ำตาลต่ำ ไม่มีสารกันเสีย ใช้เทคนิคการผลิตที่คงคุณค่าจากธรรมชาติ