โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

กนง. เปิดรายงานผลประชุม ลดดอกเบี้ย ช่วยผ่อนคลายนโยบายการเงิน หนุนเศรษฐกิจ เอื้อต่อการปรับตัวภาคธุรกิจ บรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบาง

BTimes

อัพเดต 27 สิงหาคม 2568 เวลา 22.11 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Biz

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 13 ส.ค.68 ซึ่งที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที โดยมองว่านโยบายการเงิน ควรอยู่ในระดับผ่อนคลาย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ควรคำนึงถึงการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะปานกลาง และขีดความสามารถของนโยบายการเงินที่มีจำกัด

คณะกรรมการฯ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 และ 2569 ขยายตัวใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัวดีจากการส่งออกสินค้าและการผลิต เมื่อมองไปข้างหน้า เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ และจะขยายตัวได้ต่ำกว่าระดับศักยภาพในปี 2569 อันเนื่องจาก

1.ภาคการส่งออกมีแนวโน้มชะลอลง จากผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมของมาตรการภาษีของสหรัฐฯ รวมทั้งผลจากการเร่งส่งออกในช่วงครึ่งปีแรก

2.ภาคการผลิตถูกกระทบจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากการทะลักของสินค้านำเข้า (import flooding) ที่อาจรุนแรงขึ้น

3.ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง ตามจำนวนนักท่องเที่ยวระยะใกล้ที่ลดลงจากการแข่งขันในภูมิภาคที่รุนแรงขึ้น

4.การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวชะลอลงจากแนวโน้มรายได้แรงงาน ตามแนวโน้มการส่งออก การผลิต และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งมีสัดส่วนสูงในภาคบริการ

คณะกรรมการฯ เห็นว่า ผลกระทบของนโยบายการค้ายังประเมินได้ยาก แม้ไทยได้รับอัตราภาษี reciprocal ที่ไม่ได้เสียเปรียบเทียบคู่แข่ง แต่อัตราภาษีใหม่ที่สูงกว่าในอดีต อาจส่งผลต่อภาคการส่งออกสินค้า การย้ายฐานการผลิต และการลงทุนใหม่ในระยะข้างหน้า

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการฯ ยังแสดงความกังวลต่อแนวโน้มการชะลอตัวของเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าต่ำกว่าศักยภาพ กล่าวคือ 1.ภาคการส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ 2.ภาคการท่องเที่ยวที่มีจำนวนและโครงสร้างนักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงไป 3. การบริโภคภาคเอกชนที่ชะลอตามแนวโน้มรายได้แรงงานที่ลดลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ จะซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีอยู่เดม ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจยังคงมาจากภาคธุรกิจเพียงบางกลุ่ม และกระจุกตัวอยู่ในผู้ประกอบการรายใหญ่

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ที่ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำจากปัจจัยด้านอุปทานนั้น คณะกรรมการฯ เห็นว่า ไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และมีส่วนช่วยบรรเทาไม่ให้ค่าครองชีพของประชาชน และต้นทุนธุรกิจยิ่งสูงไปกว่านี้ แต่ก็ควรติดตามความเสี่ยงที่เงินเฟ้ออาจถูกกดดันเพิ่มเติมจากอุปสงค์ในประเทศที่ชะลอลง

ยังมีคณะกรรมการฯ ส่วนหนึ่งแสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า นโยบายการเงินภายใต้กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อแบบยืดหยุ่น มีเป้าหมายสำคัญ คือ ดูแลอัตราเงินเฟ้อระยะปานกลางให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย และเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงต่ำและมีเสถียรภาพ โดยไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบเป้าหมายตลอดเวลา โดยสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับเงินเฟ้อและนัยต่อนโยบายการเงิน คือ ที่มา และปัจจัยที่ขับเคลื่อนเงินเฟ้อ และนัยต่อคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะปานกลาง

นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเปราะบางของธุรกิจ SMEs ทั้งจากสภาพคล่องที่ตึงตัว และแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น โดยกังวลว่าคุณภาพสินเชื่อที่ปรับด้อยลง อาจส่งผลต่อการพิจารณาให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ซึ่งจะจำกัดโอกาสของ SMEs ในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการปรับตัว อย่างไรก็ดี ไม่พบว่าสถาบันการเงินมีการปรับเกณฑ์การพิจารณาให้สินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น หรือจำกัดการให้สินเชื่ออย่างเป็นวงกว้าง เพียงแต่ระมัดระวังมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อใหม่ตามระดับความเสี่ยงของลูกหนี้ ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงเห็นควรให้ติดตามการขยายตัวของสินเชื่อ รวมถึงการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่อาจซ้ำเติมภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs

การพิจารณานโยบายการเงิน

ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงิน ที่มีเป้าหมายรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ ได้อภิปรายใน 3 ประเด็นที่สำคัญ คือ 1.เศรษฐกิจภาพรวมที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ตามที่ประเมินไว้ แต่ในระยะข้างหน้า จะถูกกดดันจากหลายปัจจัย และบางภาคส่วนของเศรษฐกิจมีความเปราะบางมากขึ้น 2.อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับต่ำ จากราคาพลังงานและอาหารสด 3.ความสามารถในการชำระหนี้ และการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้ชั่งน้ำหนักเป้าหมายทั้ง 3 ด้านแล้ว เห็นว่านโยบายการเงินสามารถผ่อนคลายลงได้อีกระดับหนึ่ง เพื่อให้ภาวะการเงินเอื้อต่อการปรับตัวของภาคธุรกิจ รวมทั้งมีส่วนช่วยบรรเทาภาระของกลุ่มเปราะบาง ขณะที่ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการฯ ได้อภิปรายประเด็นเพิ่มเติม ดังนี้

- การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีส่วนบรรเทาภาระและสนับสนุนให้ภาคธุรกิจปรับตัวได้บ้าง อย่างไรก็ดี นโยบายการเงินเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจ และสินเชื่อกลับมาขยายตัวได้เต็มที่ แต่ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับมาตรการที่ช่วยแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง หรือปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของ SMEs

- การผ่อนคลายนโยบายการเงินในสภาวะปัจจุบัน ไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินมากนัก แต่การดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้า ต้องคำนึงถึงการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะปานกลาง โดยอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ควรอยู่ในระดับต่ำเป็นเวลานานเกินไป เพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมการสะสมความเสี่ยงในระยะยาว

- กรรมการส่วนหนึ่ง เห็นว่าการดำเนินนโยบายการเงิน ควรคำนึงถึงการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (Policy space) ที่มีจำกัด เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดด้วย เนื่องจากความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้ายังคงมีอยู่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก BTimes

แกะ 5 สัญญาณชัด มนุษย์เงินเดือนเตรียมตกงาน คุมหรือถูกคุมเอไอ | คุยกับบัญชา | 27 ส.ค. 68

34 นาทีที่แล้ว

เมืองไทยประกันชีวิต รับมอบเกียรติบัตร “ESG DNA” จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตอกย้ำการเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืน

49 นาทีที่แล้ว

สภาทองคำโลก ชี้ความต้องการทองคำยังแกร่ง พุ่งแตะ 1,249 ตัน ในไตรมาสที่ 2 ปี 68 เฟดส่งซิกลดดอกเบี้ยหนุนราคา มองเป้า 3,100-3,500 ดอลลาร์ในปีนี้

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ฮอนด้า ชวนอัปเลเวลความสปอร์ต ในงาน Bangkok Auto Salon 2025 นำขบวนด้วยรุ่นฮิต HR-V e:HEV ชูไฮไลต์ Civic Type R ตัวแรงสายสนามแข่ง

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

เซินเจิ้นนำร่อง “รถอีวีชาร์จพลังงานหมุนเวียน” สร้างแรงจูงใจใช้พลังงานสะอาด

เดลินิวส์

มาสด้า พร้อมลุย งานบางกอกออโต้ซาลอน ย้อนตำนานโรตารี่ RX-7 ยกทัพดีเอ็นเอสายพันธุ์สปอร์ตจัดแสดงแน่นบูธ

BTimes

Makro เผยทางรอดเพื่อชาวออฟฟิศ เปลี่ยนโต๊ะทำงานเป็นร้านชำ แบรนด์ได้กระจายสินค้า มนุษย์เงินเดือนมีรายได้เสริม

Ad Addict

พาณิชย์" ชู 3 เรื่องดันไทยยืนอย่างแข็งแกร่งในตลาดโลก

TNN ช่อง16

แกะ 5 สัญญาณชัด มนุษย์เงินเดือนเตรียมตกงาน คุมหรือถูกคุมเอไอ | คุยกับบัญชา | 27 ส.ค. 68

BTimes

สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ลุยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ในภูมิภาคอาเซียน

MATICHON ONLINE

"เผ่าภูมิ" คาดจีดีพีไทยปีนี้โตมากกว่าคาดร้อยละ 2.2

TNN ช่อง16

ก.ล.ต. กล่าวโทษหุ้น ALL พร้อมอดีตผู้บริหาร หลังเผยข้อมูลเท็จ-ปกปิดข้อมูล

ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

กูรูมองราคาทองคำโลกมีโอกาสผันผวน สัปดาห์นี้คาดเคลื่อนไหว 3,280-3,400 ดอลลาร์ รับเฟดส่งซิกลดดอกเบี้ย จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ เงินเฟ้อสหรัฐฯ

BTimes

ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ฉลองครบรอบ 29 ปี แจกแหลก! เปิดสูตรลับส่วนลด 3 ต่อ พิเศษสูงสุด 29% + 450 บาท + On-Top เพิ่ม 15% เฉพาะ 29 ส.ค.วันเดียวเท่านั้น

BTimes

‘เผ่าภูมิ’ หวังเศรษฐกิจไทยปี 68 โตมากกว่า 2.2%  หลังครึ่งปีแรกเติบโตดี เร่งใช้จ่ายงบฯรัฐบาล หนุนแรงส่งทั้งปี จ่ออัดเม็ดเงิน ออกมาตรการเพิ่มไตรมาส 4 ช่วย

BTimes
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...