เขียนประวัติศาสตร์! 3 สโมสรหน้าใหม่เข้ารอบหลัก ชปล. ครั้งแรก
ทั้ง 3 ทีมต่างก็เป็นทีมดังที่เคยผ่านเกมระดับ แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว รวมถึงเป็นทีมที่ชื่อคุ้นหูแฟนบอลบ้านเรามากพอตัว แต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมากลายเป็นว่าทั้ง 3 รุ่นใหญ่ต่างก็กอดคอตกรอบกันพร้อมหน้าจนทำให้อดเข้าไปเล่นรอบลีก
เซลติก แพ้ให้ ไครัต อัลมาตี้ ทีมจากคาซัคสถานในช่วงดวลจุดโทษ หลังจากตอนแรกสกอร์รวม 2 นัดเสมอกัน 0-0, เร้ด สตาร์ เบลเกรด ทำได้แค่ออกไปเสมอกับ แพฟอส ทีมจากไซปรัส 1-1 ส่งผลให้สกอร์รวม แพฟอส ชนะไป 3-2 ขณะที่ สตวร์ม กราซ ในนัดแรกพวกเขาแพ้ โบโด/กลิ้มท์ ทีมจากนอร์เวย์มาก่อน 0-5 ทำให้ถึงแม้นัดสอง สตวร์ม กราซ จะเปิดบ้านชนะอีกฝ่ายได้ 2-1 โบโด/กลิ้มท์ ก็ยังชนะด้วยสกอร์รวม 6-2 อยู่ดี
นอกจาก 3 รุ่นใหญ่จะกอดคอกันชอกช้ำแล้วนั้น ผลการแข่งขันทั้ง 3 คู่ในรอบเพลย์ออฟนัดสอง เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทำให้เท่ากับว่าทั้ง ไครัต, แพฟอส และ โบโด/กลิ้มท์ จะได้ลงเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบหลัก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้ง 3 สโมสรด้วย
สำหรับ ไครัต พวกเขาก่อตั้งทีมเมื่อปี 1954 และเคยได้แชมป์ คาซัคสถาน พรีเมียร์ลีก หรือลีกสูงสุดของคาซัคสถาน 4 ครั้ง หนึ่งในนั้นคือแชมป์ประจำฤดูกาล 2024 ที่ทำให้พวกเขาได้มาเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือกในครั้งนี้ ก่อนที่จะประสบความสำเร็จครั้งใหญ่
ขุมกำลังของ ไครัต ไม่ได้มีนักเตะที่โด่งดังมากนักอย่างเช่น เอ็ดมิลซอน กองหน้าชาวบราซิเลี่ยนวัย 28 ปีที่เพิ่งคว้ามาร่วมทัพในปีนี้ และ จอร์จินโญ่ แนวนุกชาวโปรตุกีส ส่วนกุนซือของทีมคือ ราฟาเอล อูราซบาคห์ติน ซึ่งมีดีกรีเป็นอดีตกองหน้าทีมชาติคาซัคสถาน
ที่จริง ไครัต เคยลงเล่นรอบคัดเลือกของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2005-06 กับ 2021-22 มาแล้ว แต่ก็อกหักในทั้ง 2 ครั้งที่ว่าจากการตกรอบคัดเลือกรอบแรก และรอบสอง ตามลำดับ ก่อนที่จะสมหวังในครั้งที่ 3
ขณะที่ แพฟอส พวกเขาเพิ่งก่อตั้งทีมเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ปี 2014 หรือก็คือราว 11 ปีก่อนเอง และเมื่อฤดูกาล 2024-25 ก็ได้แชมป์ลีกสูงสุดของไซปรัสไปครองจนทำให้ได้สิทธิ์มาเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก
เดิมทีขุมกำลังของแพฟอส ไม่ได้มีนักเตะที่น่าสนใจมากนัก แต่เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาพวกเขาเพิ่งสร้างความฮือฮาด้วยการเอา ดาวิด ลุยซ์ กองหลังชาวบราซิเลี่ยนที่เคยเล่นให้ เชลซี, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ อาร์เซน่อล มาร่วมทัพ โดยถึงแม้ ลุยซ์ จะยังไม่ได้ลงเล่นให้ทีมเลย แต่เชื่อว่าเขาน่าจะได้ลงเล่นให้กับทีมเมื่อถึงรอบลีกของศึกชิงถ้วยบิ๊กเอียร์
ในส่วนกุนซือของ แพฟอส นั้น ได้แก่ ฮวน การ์ลอส การ์เซโด้ โดยเขาเคยเป็นผู้ช่วยกุนซือให้กับทีมดังหลายทีมในทวีปยุโรป ไม่ว่าจะเป็น บาเลนเซีย, เซบีย่า, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ อาร์เซน่อล โดยเขาเคยคุม อิบิซ่า กับ เรอัล ซาราโกซ่า 2 สโมสรใน สเปน ด้วย
ปิดท้ายกันที่ โบโด/กลิ้มท์ ทีมที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1916 โดยทีมนี้อาจจะพอเป็นที่รู้จักสำหรับบางคนเพราะที่ผ่านมาพวกเขาเคยเล่นในรายการ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก กับ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก มาบ้าง แถมในฤดูกาล 2024-25 ก็เพิ่งไปถึงรอบรองชนะเลิศของ ยูโรปา ลีก ได้ ก่อนจะโดน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เขี่ยตกรอบ
ขุมกำลังชุดปัจจุบันของ โบโด/กลิ้มท์ เป็นนักเตะ นอร์เวย์ เกือบทั้งหมด มีเพียง 7 คนที่เป็นแข้งต่างแดน ประกอบด้วย วิลลัดส์ นีลเซ่น, อันเดอร์ส คลินเก้อ, แคสเปอร์ โฮจห์, มาติยาส ยอร์เกนเซ่น และ มิคเคล โบร แฮนเซ่น ที่มาจาก เดนมาร์ก, นิกิต้า ไฮกิน ผู้รักษาประตูชาวรัสเซียน และ ซามูเอล บาราคอฟสกี้ นักเตะเชื้อสายสวีดิช ส่วนกุนซือคือ เคทิล คนุตเซ่น
การได้เข้ารอบหลักของแชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นสิ่งที่ โบโด/กลิ้มท์ โหยหามานาน เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาได้เล่นรอบคัดเลือกทั้งหมด 3 ครั้ง ประกอบด้วยซีซั่น 2021-22, 2022-23 กับ 2024-25 แต่ก็อกหักทั้งหมด โดยของฤดูกาล 2022-23 กับ 2024-25 เป็นการจอดป้ายที่รอบเพลย์ออฟ หรือก็คือรอบสุดท้ายก่อนเข้ารอบหลักพอดีด้วย
แน่นอน ทั้ง 3 ทีมไม่ใช่ทีมแรกจากชาติของตัวเองที่ได้เล่นรอบหลักของ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่สำหรับสโมสรของตัวเองแล้วนั้น นี่นับเป็นวันที่น่าจดจำสำหรับพวกเขาอย่างแท้จริง
- เด็กเกร็ดบอล -