ช็อก! มะเร็งคนอายุน้อยพุ่งเกือบ 80% ภายใน 30 ปี
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา มะเร็งถูกมองว่าเป็นโรคที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่กับผู้สูงอายุ แต่หลักฐานล่าสุดกำลังเปลี่ยนกรอบความเข้าใจนี้ไปโดยสิ้นเชิง งานวิจัยระดับโลกที่ตีพิมพ์ใน BMJ Oncology ปี 2023 ระบุว่าจำนวนผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ในกลุ่มอายุต่ำกว่า 50 ปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบสามสิบปี โดยมีอัตราเพิ่มสูงถึง 79% ระหว่างปี 1990–2019 การค้นพบนี้ไม่เพียงทำให้สังคมการแพทย์ต้องกลับมาทบทวน แต่ยังตั้งคำถามต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในโลกยุคใหม่
ตัวเลขที่เปลี่ยนมุมมอง
ข้อมูลจากการวิเคราะห์ฐานGlobal Burden of Disease 2019 Study ซึ่งครอบคลุม 204 ประเทศและภูมิภาค พบว่าปี 2019 มีผู้ป่วยมะเร็งใหม่ในวัยต่ำกว่า 50 ปีราว 3.26 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 1.82 ล้านคนในปี 1990 [Euronews, 2023] ตัวเลขดังกล่าวทำให้เห็นว่าโรคซึ่งเคยถูกจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุกำลังไล่ทันคนหนุ่มสาว
มะเร็งเต้านมยังคงครองอันดับหนึ่งของมะเร็งที่พบมากที่สุดในกลุ่มนี้ โดยมีอัตราผู้ป่วย 13.7 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน และอัตราการเสียชีวิต 3.5 ต่อประชากรหนึ่งแสนคน [University of Edinburgh, 2023] ขณะเดียวกันมีชนิดมะเร็งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคือมะเร็งโพรงหลังจมูกที่เพิ่มเฉลี่ยปีละ 2.28% และมะเร็งต่อมลูกหมากที่เพิ่มเฉลี่ยปีละ 2.23% ส่วนมะเร็งตับในคนอายุน้อยกลับลดลงปีละ 2.88%
1.06 ล้านชีวิตดับสูญในปีเดียว มะเร็งคร่าคนหนุ่มสาวเพิ่มขึ้น 28%
แม้จำนวนผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด แต่สิ่งที่น่ากังวลไม่แพ้กันคือภาระการเสียชีวิต งานวิจัยพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งในคนต่ำกว่า 50 ปีในปี 2019 จำนวน 1.06 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28% จากปี 1990 โดยมะเร็งที่คร่าชีวิตมากที่สุดได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งระบบทางเดินหายใจ มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ และมะเร็งกระเพาะอาหาร การวิเคราะห์ยังพบการเสียชีวิตจากมะเร็งไตและรังไข่เพิ่มขึ้นมากกว่าชนิดอื่นๆ ในช่วงสามทศวรรษ
นอกจากจำนวนผู้เสียชีวิตแล้ว งานวิจัยยังวัดผลกระทบด้วย DALYs หรือ “ปีสุขภาวะที่สูญเสียไป” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามะเร็งไม่ได้พรากเพียงชีวิต แต่ยังบั่นทอนคุณภาพชีวิตของคนวัยทำงานที่กำลังสร้างครอบครัวและอาชีพ
**+ป่วยสูงในตะวันตก ตายสูงในเอเชีย–ยุโรปตะวันออก
+**
อัตราผู้ป่วยใหม่สูงสุดพบในภูมิภาคที่พัฒนาแล้ว เช่น อเมริกาเหนือ ออสตราลาเซีย และยุโรปตะวันตก [BMJ Oncology, 2023] ขณะที่อัตราการเสียชีวิตสูงสุดกลับพบในภูมิภาคที่มีทรัพยากรจำกัด เช่น โอเชียเนีย ยุโรปตะวันออก และเอเชียกลาง สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำด้านระบบสุขภาพและการเข้าถึงการรักษา
ในประเทศรายได้ปานกลางและต่ำ การเพิ่มขึ้นของมะเร็งในวัยหนุ่มสาวกระทบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ทั้งในแง่จำนวนผู้เสียชีวิตและภาระทางสุขภาพ เนื่องจากมะเร็งเต้านมและมะเร็งระบบสืบพันธุ์หญิงมีแนวโน้มสูงขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง
นักวิจัยระบุว่าปัจจัยพันธุกรรมมีบทบาทเพียงบางส่วน ขณะที่ปัจจัยวิถีชีวิตและสิ่งแวดล้อมคือแรงขับหลัก
- อาหารและโภชนาการ การบริโภคเนื้อแดงและเกลือสูง ร่วมกับการบริโภคผลไม้และนมที่น้อยลง เชื่อมโยงกับความเสี่ยงมะเร็งในวัยหนุ่มสาว
- แอลกอฮอล์และบุหรี่ เป็นปัจจัยเสี่ยงคลาสสิกที่ยังคงมีบทบาทสูง โดยเฉพาะในประเทศที่ยังมีการควบคุมไม่เข้มงวด
- โรคอ้วนและเมตาบอลิซึม น้ำหนักเกินและระดับน้ำตาลในเลือดสูงกำลังกลายเป็นตัวเร่งที่สัมพันธ์กับมะเร็งหลายชนิด
- พฤติกรรมเนือยนิ่ง การใช้เวลาหน้าจอเฉลี่ย 7–9 ชั่วโมงต่อวันในกลุ่ม Gen Z ทำให้การเผาผลาญพลังงานลดลง
- สิ่งแวดล้อมและจุลินทรีย์ การใช้ยาปฏิชีวนะในวัยเด็กมากเกินไป และการเปลี่ยนแปลงของไมโครไบโอมในลำไส้ กำลังถูกศึกษาในฐานะปัจจัยใหม่ที่เพิ่มความเสี่ยง
แม้การศึกษานี้ใช้ฐานข้อมูลจาก 204 ประเทศ แต่คุณภาพทะเบียนมะเร็งยังไม่เท่ากันทุกประเทศ นักวิจัยยอมรับว่าตัวเลขอาจต่ำกว่าความจริง นอกจากนี้ยังไม่ชัดเจนว่าการขยายการตรวจคัดกรองในบางพื้นที่มีผลทำให้พบผู้ป่วยเร็วขึ้นหรือไม่
คำถามที่ยังคงต้องการคำตอบคือบทบาทของสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วัยเด็ก เช่น มลพิษอากาศและสารเคมีในผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งอาจมีส่วนต่อการเริ่มต้นของโรคมะเร็งในระยะยาว
แนวโน้มอนาคตและความท้าทาย
นักวิจัยคาดการณ์ว่าภายในปี 2030จำนวนผู้ป่วยใหม่ในคนอายุต่ำกว่า 50 ปีจะเพิ่มขึ้นอีก 31% และจำนวนผู้เสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นอีก 21% โดยกลุ่มอายุราว 40 ปีจะมีความเสี่ยงสูงที่สุด หากไม่มีมาตรการป้องกันและตรวจคัดกรองเชิงรุก ภาระนี้อาจกลายเป็นวิกฤตสาธารณสุขที่กระทบต่อเศรษฐกิจและโครงสร้างสังคมโลก
ที่มาของข้อมูล TNN รวบรวมและเรียบเรียงจาก
- BMJ Oncology
- BBC News
- Euronews
- University of Edinburgh
- American Cancer Society
- Memorial Sloan Kettering Cancer Center
- American Association for Cancer Research
- NPR
- Science Media Centre
ข่าวที่เกี่ยวข้อง