ศุภชัย เจียรวนนท์ ชี้สงครามการค้าคือ "โอกาส" ชูไทยเป็น ทำเลทอง รับทุกการลงทุน สู่ฐานการผลิตยุคใหม่
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เผยในงาน SET Thailand Focus 2025 ว่าบริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง ความท้าทายจากสงครามการค้าถือเป็น "โอกาส" ครั้งสำคัญที่ไทยจะยกระดับห่วงโซ่อุปทานของประเทศ และปฏิรูปภาคเกษตรกรรมไปสู่พืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง
แม้จะมีผลกระทบต่อเกษตรกรบางกลุ่มในระยะสั้น แต่ภาพรวมคือการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น และเชื่อมั่นว่าประเทศไทยกำลังเดินมาถูกทางท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
พร้อมเปรียบไทยเป็น "อสังหาริมทรัพย์ทำเลทอง" ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและน่าลงทุนระยะยาว ทั้งนี้ ได้เสนอให้ภาครัฐปลดล็อกกฎระเบียบ เพื่อดึงดูดบุคลากร Talent ระดับโลกเข้ามา
ซีพี เดินหน้าลงทุนในไทยไม่แผ่ว
ศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ฉายภาพความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทย เดินหน้าลงทุนในประเทศอย่างต่อเนื่อง ชี้ประเทศไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เหมาะสม เป็น "ทำเลทอง" ดึงดูดการลงทุนระดับโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างดาต้าเซ็นเตอร์ (Data Center) และฐานการผลิตขั้นสูง แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์โลก
โดย ศุภชัย เปิดเผยว่า ในมุมมองของเครือซีพี บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนในทุกกลุ่มธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้ปรับลดงบประมาณการลงทุนลงแต่อย่างใด ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวมาจากโอกาสในการเติบโตที่ชัดเจน
ตัวอย่างเช่น ธุรกิจโทรคมนาคมอย่างทรู คอร์ปอเรชั่น, ธุรกิจค้าปลีกอย่างซีพี แอ็กซ์ตร้า และซีพี ออลล์ รวมถึงซีพีเอฟ ต่างมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องในระดับใกล้เคียง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
ชี้ไทยขึ้นแท่นฮับ Data Center และฐานการผลิตของภูมิภาค
ประธานคณะผู้บริหาร เครือซีพี ได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาค โดยระบุว่า เราเห็นด้วยตาตัวเองว่าการลงทุนด้านดาต้าเซ็นเตอร์กำลังหลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์
ประกอบกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนและความเปิดกว้างของประเทศ เชื่อว่าไทยจะเป็นอีกหนึ่งฮับที่สำคัญอย่างยิ่งของอาเซียนและเอเชียในธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในอนาคต
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังกลายเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ของนักลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน ที่เข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิประโยชน์ต่างๆ วัฒนธรรมที่เปิดกว้าง และโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย โดยเฉพาะโครงข่ายโทรคมนาคมที่แข็งแกร่งระดับแนวหน้า
เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จากเดิมที่เน้นอุตสาหกรรมปิโตรเคมี กำลังพัฒนาไปสู่อุตสาหกรรมการผลิตยุคใหม่และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย
เปรียบไทยเหมือน "อสังหาฯ ทำเลทอง" แนะปลดล็อกกฎระเบียบดึงดูดคนเก่ง
ศุภชัย ได้เปรียบเทียบว่า หากให้เลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา ประเทศไทยคือทำเลที่เราควรเลือก เพราะมีที่ตั้งที่เหมาะสม โครงสร้างพื้นฐานที่พร้อม และรากฐานที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม เพื่อดึงดูดการลงทุนและที่สำคัญกว่านั้นคือ "บุคลากรผู้มีความสามารถ" (Talent) จากทั่วโลกให้เข้ามาทำงานและทำธุรกิจในประเทศไทย โดยเสนอว่าภาครัฐควรพิจารณาผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆ เพิ่มเติม เช่น การอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าระยะยาว, การทำให้การทำธุรกิจในไทยง่ายขึ้น
และอาจพิจารณานโยบายที่เปิดกว้างอย่างการอนุญาตให้ชาวต่างชาติถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินระยะยาว 99 ปี ซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ และดึงดูดคนเก่งจากทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น
ศุภชัย กล่าวสรุปว่า แม้สถานการณ์โลกในปัจจุบันจะมีความไม่แน่นอนมากมาย เปรียบเสมือนเครื่องบินที่กำลังบินฝ่าเมฆหมอก แม้ทัศนวิสัยจะไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ และด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งและการลงทุนที่ต่อเนื่อง ทั้งจากภาครัฐ เอกชน และต่างประเทศ มั่นใจว่าประเทศไทยจะยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคง
มองทะลุสงครามการค้า ชี้เป็น ‘โอกาส’ พลิกโฉมอุตสาหกรรม-เกษตรไทย
เมื่อถูกถามถึงผลกระทบจากนโยบายกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ศุภชัย กล่าวว่า ในส่วนของเครือซีพี ซึ่งอยู่ในธุรกิจอาหารสัตว์และสัตว์ปีกนั้น ได้รับผลกระทบค่อนข้างจำกัด เนื่องจากวัตถุดิบหลัก เช่น ข้าวโพดและข้าวสาลี เดิมทีนำเข้าจากอเมริกาใต้และยุโรปตะวันออกเป็นส่วนใหญ่
น่าสนใจว่าการปรับเปลี่ยนแหล่งนำเข้าวัตถุดิบมายังสหรัฐฯ ในสถานการณ์ปัจจุบัน กลับทำให้ต้นทุนของเราแข่งขันได้ดีขึ้น และอาจจะช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบลงได้ด้วยซ้ำ ซึ่งการประเมินเบื้องต้นของเราค่อนข้างเป็นบวก
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าอาจมีผลกระทบต่อเกษตรกรไทยที่ปลูกข้าวโพดและถั่วเหลือง ซึ่งภาครัฐและเอกชนต้องเข้าไปดูแลช่วยเหลือและสนับสนุนให้ปรับเปลี่ยนไปสู่การเพาะปลูกพืชที่มีมูลค่าสูงขึ้น
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากในพืชเศรษฐกิจอื่น เช่น ข้าวหอมมะลิซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดโลกจนผลิตไม่เคยทันต่อความต้องการ หรือในกลุ่มผลไม้ที่ไทยเป็นผู้ผลิตรายใหญ่และเติบโตทุกปี
เพียงแค่ตลาดจีนแห่งเดียวก็มีความต้องการมหาศาลแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือการนำเทคโนโลยีและการจัดการสมัยใหม่ในรูปแบบอุตสาหกรรมเข้ามาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิต
ศุภชัย ทิ้งท้ายว่า เราควรมองสถานการณ์นี้เป็นโอกาสครั้งสำคัญ สหรัฐฯ อาจมองหาแหล่งนำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกนอกเหนือจากการผลิตในจีน นี่คือจังหวะที่เราจะพัฒนาห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ของไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
โดยภาครัฐต้องทำงานร่วมกับสหรัฐฯ จีน และนักลงทุนต่างชาติ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ SMEs ของไทยได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานยุคใหม่และปรับตัวจากการผลิตแบบดั้งเดิม
นี่คือช่วงเวลาสำคัญของการปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย ท่ามกลางความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น
อ่านข่าวหุ้น และการลงทุน กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/investment
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ศุภชัย เจียรวนนท์ ชี้สงครามการค้าคือ "โอกาส" ชูไทยเป็น ทำเลทอง รับทุกการลงทุน สู่ฐานการผลิตยุคใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- บิ๊กเทคโลกจับมือซีพีลงทุนไทย1.75แสนล้าน ปักหมุดดิจิทัลฮับอาเซียน
- ศุภชัย เจียรวนนท์ ชี้สงครามการค้าคือ "โอกาส" ชูไทยเป็น ทำเลทอง รับทุกการลงทุน สู่ฐานการผลิตยุคใหม่
- “ซีพี” มอบของขวัญมิตรภาพ 50 ปี สัมพันธ์ไทย-จีน งิ้วแต้จิ๋ว “มหาอุปรากรสะท้านปฐพี” 7 วัน 16 เรื่อง
- มองบวกสงครามการค้า สร้างสมดุลโลกไทยรับ "ส้มหล่น"
- "ซิคเว่"ตั้งเป้าทรูเพิ่มรายได้- จ่ายเงินปันผล
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath