ปภ.เร่งช่วยเหลือผลกระทบพายุ “คาจิกิ” ย้ำเฝ้าระวังต่อเนื่อง-เตรียมเครื่องจักรพร้อมปฏิบัติการ
ปภ.ติดตามผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนยังคงเน้นย้ำเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จัดเตรียมเครื่องจักรกลสาธารณภัยพร้อมออกปฏิบัติการทันที
วันที่ 27 ส.ค.68 เวลา 10.00 น. ที่ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานการประชุม Situation Awareness Team (SAT) ติดตามสถานการณ์และผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามแผนเผชิญเหตุให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะด้านการดำรงชีพ และเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงดูแลความปลอดภัยด้านชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย พร้อมเน้นย้ำให้ทุกจังหวัดเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยและเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ตลอดจนให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะต่อไป โดยมีผู้แทนหน่วยงานด้านการพยากรณ์ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัยเข้าร่วมประชุม และประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวของพายุ “คาจิกิ” พบว่า พายุได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณภาคเหนือตอนบน ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ยังคงมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ส่งผลให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่มหลายพื้นที่ โดยปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เลย และนครพนม รวม 17 อำเภอ 44 ตำบล 136 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 182 ครัวเรือน 652 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ผู้บาดเจ็บ 10 ราย และผู้สูญหาย 1 ราย จากเหตุการณ์ดินสไลด์ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ (ข้อมูล ปภ. ณ เวลา 06.00 น.) ซึ่งปัจจุบันระดับน้ำโดยภาพรวมเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากในหลายพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนัก จึงได้เน้นย้ำ ให้ทุกจังหวัดยังคงติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่รับผลกระทบ โดยระดมสรรพกำลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและบูรณาการการทำงานเพื่อระบายน้ำออกจากพื้นที่ อพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย และดูแลความเป็นอยู่ รวมถึงความปลอดภัยของประชาชนในทุกมิติ
นายสหรัฐ รองอธิบดี ปภ. กล่าวต่อว่า เพื่อให้การเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจากอิทธิพลของพายุ “คาจิกิ” จึงขอเน้นย้ำให้จังหวัดที่มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย เร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามแผนเผชิญเหตุให้ครอบคลุมทุกมิติ รวดเร็ว และทั่วถึงโดยเฉพาะด้านการดำรงชีพเบื้องต้นให้เพียงพอ เหมาะสมกับความต้องการของประชาชน ในพื้นที่ สำหรับประชาชนที่ไม่ได้อพยพออกจากที่อยู่อาศัยให้จัดส่งถุงยังชีพให้ทั่วถึงตามวงรอบอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจัดทีมแพทย์/บุคลากรทางการแพทย์เข้าดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้กับผู้ประสบภัยที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือพื้นที่ปลอดภัย และดูแลความปลอดภัยด้านชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประสบภัย โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ประชาชนจิตอาสา ร่วมตรวจตราความเรียบร้อยเพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรม การลักขโมย เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมผู้ประสบภัย นอกจากนี้ ให้บูรณาการการใช้เครื่องจักรกลสาธารณภัย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสูบน้ำ รถสูบส่งน้ำระยะไกลจากหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อเร่งดำเนินการสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ พร้อมกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ ขยะ สิ่งปฏิกูล เศษวัสดุ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดยให้จัดสรรและกระจายเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปในพื้นที่ประสบภัยให้ครอบคลุม ทั่วถึงพื้นที่เสี่ยงภัย
“อย่างไรก็ตาม ทุกจังหวัดโดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยยังคงต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในห้วงต่อไป โดยได้เน้นย้ำให้หน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวัง ประเมินสถานการณ์ และแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยอยู่พื้นที่เสี่ยงภัยรับทราบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมบูรณาการกับฝ่ายปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา จัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยสำหรับรองรับประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบให้เพียงพอ หากเกิดสถานการณ์อุทกภัยภายในพื้นที่ และใช้ระบบบัญชาการเหตุการณ์ในการบริหารจัดการ เพื่อการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์ และมีเอกภาพ ที่สำคัญให้เตรียมความพร้อมทรัพยากร โดยวางแผนนำเครื่องจักรกลเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงภัยเป็นการล่วงหน้า พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการให้พร้อมปฎิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที ตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนของการปฏิบัติงานของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เครื่องจักรกลสาธารณภัยที่เข้าประจำการ ณ จุดระดมทรัพยากร (Staging Area) ในพื้นที่ของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก อาทิ รถปฏิบัติการเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย เครื่องสูบน้ำ เรือท้องแบนพร้อมเครื่องยนต์ รถผลิตน้ำดื่ม รถประกอบอาหาร ได้ออกปฏิบัติการในพื้นที่ต่าง ๆ ส่วนเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 และ The Guardian Team ที่พร้อมยกตัวขึ้นบินปฏิบัติภารกิจทันทีที่ได้รับการประสานจากพื้นที่ ทั้งนี้ หากสถานการณ์ภัยมีความรุนแรงมากขึ้นและเครื่องจักรกลสาธารณภัยไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ให้จังหวัดประสานมายังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทันที เพื่อจะได้สนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัยไปช่วยเหลือพื้นที่” นายสหรัฐ รองอธิบดี ปภ. กล่าว
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานการปฏิบัติร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วนอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างรวดเร็ว และหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อนจาก Line ID @1784DDPM หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือต่อไป