ตลาดหุ้น Q3/68 มีลุ้นทุนต่างชาติไหลเข้าต่อ พร้อมแนะ 3 กุล่มเลี่ยงลงทุน
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3/68 มองว่ามีโอกาสที่จะเห็นการชะลอตัวลง เพราะยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 68 ที่ผ่านมาตัวเลขทางเศรษฐกิจต่างๆ ยังไม่ได้สะท้อนต่อผลกระทบเชิงลบจากภาษีสหรัฐฯ มากนัก โดยเฉพาะภาคการส่งออกที่ได้แรงส่งจากการเร่งนำเข้าสินค้า เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากเกณฑ์ภาษีใหม่ของสหรัฐฯ
แต่ในไตรมาส 3/68 จะเริ่มเห็นถึงผลกระทบจากประเด็นดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งด้วยในช่วงที่ผ่านมามีการเร่งสั่งซื้อสินค้าไปสต๊อกเป็นจำนวนมากแล้ว ทำให้ไม่ว่าจะทั้งยอดการผลิต การส่งออก จะชะลอตัวลง นอกจากนี้ ด้วยเศรษฐกิจที่ซบเซายังทำให้ภาคการท่องเที่ยวและบริการ ซึมตัวลงไปด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงต้นไตรมาส 3/68 (เดือนก.ค.) ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยอยู่ในโทนขาขึ้น จึงยังไม่ได้สะท้อนภาพของเศรษฐกิจในประเทศอย่างแท้จริง ประกอบกับ Valuation หุ้นไทยหลายตัวที่อยู่ในโซนต่ำมากแล้ว อาจเป็นหนึ่งปัจจัยที่สร้างความน่าสนใจให้กับการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา
โดย SET Index เป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่แย่ที่สุดในโลกในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเลยไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่ด้วย Valuation ของหุ้นในประเทศพัฒนาแล้วโดยเฉพาะสหรัฐฯ ถูกตั้งคำถามมากขึ้นว่าราคาในปัจจุบันสูงเกินไปแล้วหรือไม่ เป็นผลให้ในช่วงเดือน ก.ค. จะเห็นทุนต่าชาติไหลกลับเข้ามา
"ในช่วงเดือน ก.ค. จะเห็นว่าฟันด์โฟลว์เริ่มกลับมามีสถานะซื้อสุทธิมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เพียงตลาดหุ้นไทยเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงตลาดหุ้นในประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) ร่วมด้วย จึงเกิดการกระจายเม็ดเงินลงทุนออกมา ดังนั้นก็มีโอกาสเห็นการไหลเข้ามาของทุนต่างชาติต่อเนื่อง"
3 ธีมหุ้นเด่น
กลยุทธ์การลงทุนนั้น ทางฝ่ายแนะนำ 3 ธีมหุ้นเด่น ประกอบด้วย
- กลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากปัจจัยภายนอก ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงน้อยกว่าที่กังวล ผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ ไม่ได้หนักหนาอย่างที่คาดการณ์ อาทิ IVL และ SCGP
- กลุ่มหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงไปมาก ในขณะที่ผลประกอบการกลับหดตัวน้อยกว่าที่ตลาดเป็นกังวลกันไว้ เช่น ท่องเที่ยว ค้าปลีก และการแพทย์ อาทิ CENTEL SPA CPALL CPAXT TFG และ BDMS
- กลุ่มหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย เช่น โรงไฟฟ้า บัตรเครดิต และไฟแนนซ์ อาทิ RATCH KTC และ MTC
แนะเลี่ยง 4 ลงทุนกลุ่มหุ้น…?
สำหรับหุ้นที่มองว่าในช่วงที่เหลือของปี 68 นี้ อาจต้องเลี่ยงการลงทุนไปก่อน ประกอบด้วย
- กลุ่มหุ้นยานยนต์ มองว่ายังไม่ค่อยน่าสนใจ เนื่องจากยังไม่เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นฐานในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีแรงกดดันจากการมาของรถ EV
- กลุ่มหุ้นรับเหมาก่อสร้าง โดยยังต้องติดตามการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นสำคัญ เพราะมองว่าจากนี้จะยิ่งเข้มข้นมากขึ้น และพบว่าในปีแรกหลังจากมีการเปลียนรัฐบาลชุดใหม่ จะมีความไม่เรียบร้อยให้หลายๆ เรื่อง ทำให้การจัดสรรงบประมาณ การเบิกจ่างงบ มีความล่าช้า
- กลุ่มหุ้นค้าปลีก โดยมองว่าหุ้นค้าปลีกสินค้าอุปโภค-บริโภค โดยเฉพาะขนาดใหญ่ยังไปได้จากผลการขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่หากอิงกับอสังหาริมทรัพย์ อิงการบำรุงซ่อมแซมและการตกแต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า อาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัว ต้องยอมรัยว่าด้วยเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย