‘เสธ.นิด’ แจงดราม่า รักษาคนเขมร ชี้หากเป็น ‘ทหารกัมพูชา’ ต้องส่งรพ.กองทัพ
6 ส.ค.2568 - พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี หรือ เสธ.นิด อดีตนายทหารนักบินกองทัพอากาศ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า
เรื่องการรักษาพยาบาลคนไข้ไทยอาการป่วยต่างๆหรือชาติต่างๆนั้นเป็นดุลพินิจของแพทย์และผู้บริหารโรงพยาบาลซึ่งแพทย์สามารถสงวนสิทธิ์แม้ในภาวะปกติเพราะคนไข้ล้นมือแพทย์พยาบาลและล้นโรงพยาบาล
แต่ในกรณีอาการวิกฤตินั้นแพทย์รับรักษาอยู่แล้ว
แต่วันนี้หลายโรงพยาบาลถูกฝ่ายกัมพูชายิงถล่มใส่จนบ้างส่วนใช้บริการไม่ได้ ทุกโรงพยาบาลต้องโยกย้ายคนไข้คนป่วยไปโรงพยาบาลอื่นที่ไกลออกไปโรงพยาบาลละ๔-๕ คนป่วย วุ่นวายกันไปหมด
แต่วิกฤติโควิด โรงพยาบาลก็สงวนสิทธิ์ไม่รับ เพราะรับมาก็อาจตายเพราะไม่แพทย์หรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมไม่มี แต่ก็สามารถส่งไปโรงพยาบาลอื่นได้แต่ก็ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลที่ถูกส่งไป (รัฐบาลกัมพูชาต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง เช่นค่าขนส่ง และอื่นๆเป็นต้นตามกระบวนการทางแพทย์)
แต่ทหารกัมพูชาจะขอเข้ารักษานั้นถือว่าผิดวิสัยแพทย์พลเรือนต้องส่งในโรงพยาบาลกองทัพเพราะช่วงนี้เป็นช่วงวิกฤติสู้รบที่เห็นได้ชัดเจน กองทัพควบคุมไว้ตามลักษณะที่ฝ่ายทหารกัมพูชาคนนั้นแจ้งมา ประเด็น คือ เขาหนีทหารมา หรือป่วยจริงและมอบตัวแต่ทำไมแพทย์ทหารกัมพูชาไม่รักษา
หากเขาเป็นทหารประจำการในกองทัพกัมพูชา หนีทหาร Deserted มาก็ต้องคุมตัวไว้ในกองทัพ หากป่วยวิกฤติจริงๆก็ต้องไปอยู่ในโรงพยาบาลในค่ายทหารที่มีการรักษาความปลอดภัย แต่ถ้าป่วยไม่วิกฤติกองทัพก็ไม่รับและถูกจับเป็นเชลยได้หรือเป็นอย่างอื่นได้กรณีที่มีพิรุธ
ส่วนทหารที่ถืออาวุธอยู่ในมือและถูกจับในยุทธบริเวณนั้นเป็นเชลยศึก (Prisoners of War) ซึ่งมีนิยามศัพท์ชัดเจนในสนธิสัญญาเจนีวาและมีกฎระเบียบต่างๆครอบคลุมไว้
ซึ่งทหารในกองทัพไทยรู้ดี เชลยเปิดเผยได้เพียง ยศชื่อสกุล หมายเลขประจำตัวและวันเดือนปีเกิดเท่านั้น และห้ามทรมานทรกรรมกลั่นแกล้ง เหยียดหยาม ห้ามยึดสมบัติส่วนตัว
กองทัพที่จับเชลยมาต้องจัดที่พักให้ตามความเหมาะสมเป็นต้น
นักการเมืองพรรคประชาชนจะเอาอย่างไรละ นักการเมืองพรรคนี้อนุเคราะห์เช่าเหมาลำรับคนป่วยเขมรไปรักษา ณ ประเทศที่ ๓ ไหมละ อย่างนี้เรียกว่า “โคตรใจบุญ”ครับ