จี๊ด! ‘แก้วสรร’ แพร่บทความ ‘อุ๊งอิ๊งคุยฮุนเซน เมื่อนางสีดายอมตามใจทศกัณฐ์’
10 ส.ค.2568-นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกบทความในรูปแบบถาม-ตอบ เรื่อง อุ๊งอิ๊งคุยฮุนเซ็น : เมื่อนางสีดายอมตามใจทศกัณฐ์ มีเนื้อหาดังนี้
ถาม วันนี้..เสียงในโซเชียลเริ่มเถียงกันหนักแล้วว่า อุ๊งอิ๊งเค้าพยายามหลีกเลี่ยงสงครามแล้วมันผิดตรงไหนที่ไปคุยกับฮุนเซ็น เพื่อหยุดการปิดด่านตอบโต้กัน เค้าเป็นรัฐบาลมาจากการเลือกตั้งแล้ว เห็นต่างกับกองทัพไม่ได้เลยหรือ ถ้ายอมให้เป็นอย่างนี้ได้ แล้วเราจะมีรัฐบาลไว้ทำไมกัน
ตอบ มันไม่ผิดอะไรเลยที่คนชื่ออุ๊งอิ๊งจะเห็นไม่ตรงกับกองทัพ แต่เมื่อคุณเป็นนายกรัฐมนตรี คุณต้องคุยกับฮุนเซ็นในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีไทย ไม่ใช่เป็นหลานของลุงฮุนเซ็น คือเมื่อเขมรส่งทหารล้ำเข้ามาขุดสนามเพลาะในดินแดนไทย นายกฯก็ต้องเจรจาให้ถอนออกไป ถ้าฮุนเซ็นบอกให้ไทยเปิดด่าน นายกฯก็ต้องเจรจาให้เขมรถอนกำลังออกไปก่อนเราถึงจะเปิดด่านให้ได้ ไม่ใช่บอกว่าทหารไม่ใช่พวกเราและทำไปเพราะอยากเท่ห์ เห็นใจหลานด้วยเถิด…กรอบตอแหลอย่างนี้ ไม่ใช่การเจรจาความเมืองของนายกรัฐมนตรีไทย
ถาม อุ๊งอิ๊งเขาชี้แจงว่าเป็น “เทคนิคการเจรจา” ที่ต้องพูดคุยกันแบบหลานขอลุง อย่างนี้ฟังไม่ได้หรือครับ
ตอบ ไม่ได้ครับ..ในข้อแรกก็เป็นเรื่องข้อเท็จจริง ที่มันชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ยอมเอาข้อเสนอปิดด่านของกองทัพ เมื่อ ๘ มิถุนายน เข้าที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ เมื่อพึ่งอำนาจ นายกฯไม่ได้ ทหารเขาก็ต้องใช้อำนาจกฎอัยการศึกเข้าควบคุมด่านด้วยตนเอง จนทำให้เธอต้องแล่นมาขอลุงฮุนเซ็นให้ช่วยเปิดด่านพร้อมกัน เพื่อกู้ภาพทรยศของรัฐบาล
ด้วยความเป็นมาอย่างนี้ ข้อที่เธอว่าเป็นเรื่องเทคนิคการเจรจา ที่ปากต้องพาไปว่าทหารเป็นคนละพวกกับเรา เพื่อให้ลุงรู้สึกว่าหลานเป็นพวกเดียวกันนั้น จึงไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น
ถาม แล้วข้อที่สองคืออะไรครับ
ตอบ ข้อสองเป็นเรื่องจุดยืนครับ…คือเมื่อทศกัณฐ์เข้ามาปล้ำนางสีดา นางสีดาต้องดิ้นสู้และจะผูกคอตาย เท่านั้น เธอจะไปเว้าวอน จูบลูบไล้มือทศกัณฐ์ ออดอ้อนว่าวันนี้เป็นวันไม่สะดวกให้มาวันหลัง แล้วจะตามใจทุกอย่างนั้นไม่ได้ มาตรฐานตามบทของพระแม่เจ้านั้นต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องทุกอย่าง จะใช้มารยาสาไถยนั้นไม่ได้
ถาม ก็คนเล่นเป็นนางสีดา เขาสงสารและเอ็นดูทศกัณฐ์มากนี่ครับ
ตอบ ไม่ได้ครับ คุณต้องเล่นตามบทตามหน้าที่เท่านั้น ยิ่งเป็นบทบาทเจรจาคุยความเมืองแทนคนไทยทั้งชาติ ผูกพันกับความมั่นคงทั้งประเทศอย่างนี้ จะเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวเข้ามามั่วไม่ได้เด็ดขาด คุณดูคำปฏิญาณตัวหน้าพระพักตร์ เมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นี่สิครับ
“ข้าพระพุทธเจ้า ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้ และปฏิบัติตามซี่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ”
ถาม อาจารย์ดูแล้ว เห็นอะไร
ตอบ เห็น “ความซื่อสัตย์ต่อตำแหน่งหน้าที่นายกรัฐมนตรี” ครับ อุ๊งอิ๊ง เข้ามามี “หน้า”มี “ที่”ตรงนี้ ต้องตระหนักว่านี่ไม่ใช่ตำแหน่ง ซีอีโอ บริษัทชินวัตรที่ตนเป็นเจ้าของแล้วจะจัดการไปตามอำเภอใจได้ แต่ตำแหน่งนี้ เป็นผู้นำของชาติ ต้องทำเพื่อประโยชน์ของประเทศ จะเห็นดินแดนของชาติเช่นปราสาทตาเมือนธมเป็นแค่ป่ารกร้างไม่ได้ ต้องเห็นทหารเป็นองค์กรของรัฐไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม หรือขี้ข้าบริษัทที่ต้องทำตามใจนักการเมืองไปเสียทุกอย่าง
ถาม ฮุนเซ็นก็เห็นทหารเป็นขี้ข้า เห็นบ้านเมืองเป็นสมบัติตระกูลฮุน เหมือนกัน
ตอบ เห็นด้วยครับ ทั้ง “ฮุน” ทั้ง “ชิน” เป็นระบอบเผด็จการเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ ฮุนใช้กำลังข่มหัวคนฆ่าคน แต่ชินใช้เงินฟาดหัวคนเท่านั้น
ถาม “ฮุน” จะหายไปจากเขมรได้อย่างไร
ตอบ งูสูงอายุที่หลังหักแล้วตัวนี้..ถ้ามันถูกโค่นล้มจากการลุกฮือในประเทศได้ จะดีที่สุดสำหรับประเทศไทย
ถาม แล้ว “ชิน”ล่ะครับ คดีถอดถอนอุ๊งอิ๊งนี่มีหวังไหม ข้อหาทรยศต่อชาตินี่ไม่พอหรือ
ตอบ เรื่อง“ทรยศ”นั่น มีอยู่ในคดีอาญาในความผิดต่อความมั่นคงนอกราชอาณาจักร ซึ่งเป็นการลงโทษที่ “ตัวคน” ที่คนคนนั้นจะถูกลงโทษได้ ก็ต่อเมื่อเราพิสูจน์ได้จริงๆว่าเขามีความชั่วในใจคือทำไปเพื่อประโยชน์ศัตรูจริงๆ แต่คดีถอดถอนตามรัฐธรรมนูญนี้ เราดูที่ตัว “การกระทำ” เท่านั้นว่า ขัดต่อมาตรฐานตามตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ ถ้าไม่สมแก่ตำแหน่ง เราก็ต้องถอดถอนออกไป
ถาม เหมือนกรณีมวยชกไม่สมศักดิ์ศรีใช่ไหมครับ
ตอบ เป็นเช่นนั้น ขึ้นชกแล้วเอาแต่แย้ป เต้นรอบๆเวทีไปตลอดไม่ได้ บอกให้ชกก็ไม่ชก จนถึงระดับที่ขัดต่อมาตรฐานความคาดหวังของแฟนมวยเมื่อใด กรรมการก็ต้องไล่ลงจากเวทีไปในที่สุด ส่วนจริงๆแล้วตัวนักมวยจะรับเงินล้มมวยหรือไม่ หรือเป็นสไตล์มวยแบบฉาบฉวยถนอมตัวนั้น ก็ไม่ใช่ประเด็น ชกแบบนี้ต้องไล่ลงสถานเดียวเท่านั้น
สรุปแล้ว คดีถอดถอนอุ๊งอิ๊งนี้ ต้องตัดสินกันตรงที่ “ทรยศต่อตำแหน่งหน้าที่” หรือไม่ ส่วนปัญหาว่า“ทรยศต่อชาติ”หรือไม่นั้น เราต้องไปดูผลที่คดีอาญาต่อไปว่า เธอมีความชั่วในใจคิดขายชาติจริงหรือไม่
ถาม นักวิชาการบางคนเขาบอกว่าเรื่องนี้ต้องตัดสินด้วยโหวตไม่ไว้วางใจในสภาเท่านั้น
ตอบ ผมเห็นต่างครับ ถ้าเรื่องมันมีหลักฐานชัดเจน และร้ายแรงถึงขั้นทรยศต่อหน้าที่ได้อย่างนี้ มันก็ถึงขั้นขาดคุณสมบัติ ควรเป็นคดีให้ศาลไต่สวนและตัดสินได้
วันนี้..เมื่อถึงขนาด มี“เหี้ย”ลอยออกมาจากหีบเลือกตั้งได้อย่างนี้ โหวตในสภาก็เชื่อไม่ได้อีกต่อไป เราต้องให้ศาลตัดสินได้โดยพลันแล้วครับ