รมช.ศึกษาฯมอบถุงยังชีพผู้ปกครองและนักเรียนเหยื่อภัยสู้รบชายแดนที่บุรีรัมย์ย้ำจัดสอนชดเชยช่วงปิดเรียนกว่า 2 สัปดาห์
รมช.ศึกษาฯ พร้อมคณะ ลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภค-บริโภค และเยี่ยมให้กำลังใจพ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กนักเรียน ลูกเสือ บุคลากรทางการลูกเสือ และครู ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาคาดเปิดเรียน 13 ส.ค. นี้ ย้ำจัดการเรียนการสอนชดเชยช่วงอพยพหนีกว่า 2 สัปดาห์ กำชับทุก รร.ซักซ้อมหลบภัยเพราะยังไม่มั่นใจสถานการณ์
วันที่ 10 ส.ค.68 นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมคณะฯ ได้ลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคบริโภค พร้อมทั้งเยี่ยมให้กำลังใจ พ่อแม่ ผู้ปกครอง เด็กนักเรียน ลูกเสือ บุคลากรทางการลูกเสือ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา และประชาชน ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ นายอำเภอบ้านกรวด ผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมมอบสิ่งของอุปโภค บริโภค ให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้ด้วย
โดยจุดแรกรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะฯ ได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับผู้ปกครอง นักเรียน และลูกเสือ ที่ห้องประชุมโรงเรียนบ้านกรวดวิทยาคาร อำเภอบ้านกรวด จำนวน 100 ชุด จากนั้นได้เดินทางไปมอบเครื่องอุปโภคบริโภค ให้กับผู้ปกครอง เด็กนักเรียน และประชาชนที่ประสบภัยจากการสู้รบ ที่หอประชุมโรงเรียนนิคมสร้างตนเอง 2 อำเภอบ้านกรวด อีกจำนวน 100 ชุด ซึ่งการลงพื้นที่มอบสิ่งของให้กับผู้ประสบภัยในครั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างขวัญกำลังใจ แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้กับผู้ปกครอง เด็กนักเรียน ลูกเสือ บุคลากรทางการลูกเสือ และประชาชนในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ครั้งนี้ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและสร้างขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สู้รบ ซึ่งถือเป็นนโยบายและความห่วงใยของรัฐบาล สำหรับโรงเรียนตามแนวชายแดนก็คาดว่าจะเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติในวันที่ 13 ส.ค.68 นี้ ซึ่งก็ได้ให้โรงเรียนทุกแห่งที่ปิดในช่วงการสู้รบ ทำการเรียนการสอนชดเชย พร้อมทั้งให้มีการซักซ้อมหลบภัยเป็นระยะเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เนื่องจากยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ ส่วนโรงเรียนที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ก็ให้ใช้เป็นศูนย์พักพิงเพื่อรองรับผู้อพยพ
ด้านนางเสาวภา ผู้ปกครองนักเรียนคนหนึ่ง บอกว่า ช่วงที่มีการสู้รบได้พาลูกหลาน 5 ชีวิต อพยพไปอยู่ที่ จ.ชลบุรี ทำให้ไม่ได้ทำมาหากินขาดรายได้ ก็เข้าใจว่าเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่หากเป็นไปได้ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาชดเชยเยียวยาการขาดรายได้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ครอบครัวด้วย