‘ศุภชัย’ จี้ ‘DSI-ทวี-ภูมิธรรม-อิ๊งค์’ ฟันบริษัท รมว.อว.รุกที่สาธารณะ ข้อหาฟอกเงิน
เมื่อวันที่ 10 ส.ค. นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงกรณีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เรื่อง คดีโรงแป้งมันบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ มีผู้ต้องหาหลายรายรวมถึงอดีตรัฐมนตรี ผู้เป็นสามี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ผู้เป็นภรรยา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ว่าเรื่องไปถึงไหน อย่างไรเพราะรับคดีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 และดีเอสไอก็อ้อมแอ้ม แถลงแบบคลุมเครือว่าเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการ สิ่งที่น่าสงสัยที่จะต้องอธิบายก็คือ รับคดีมา 6 ปีแล้วทำอะไรไปถึงไหน ทำไมถึงล่าช้า ซึ่งคำแถลงของท่านก็ไม่ได้คำตอบอะไร
นายศุภชัย กล่าวว่า ความจริงเรื่องนี้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีคำสั่งลงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 อนุมัติให้กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ออกเลขคดีพิเศษใหม่ เพื่อทำการสอบสวนและอนุมัติให้มีพนักงานอัยการสอบสวนร่วมตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2567 มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) (ง) โดยออกเลขเป็นคดีพิเศษ ที่ 154/2562
จากการสอบสวนรวบรวมพยาน หลักฐาน พบว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุ บริษัท แป้งมันเอี่ยมอีสานอุตสาหกรรม จำกัด ได้ขุดบ่อเก็บกักน้ำในพื้นที่เกิดเหตุ จำนวน 3 บ่อ มีเนื้อที่ประมาณ 16-1-58.4 ไร่ ฐานความผิด “ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครองและทำประโยชน์โดยการขุดบ่อเก็บกักน้ำ ในที่ดินซึ่งตนไม่ได้มีสิทธิ อันเป็นที่ดินของรัฐและที่ดินสาธารณประโยชน์สำหรับประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และที่ป่า โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ประกอบ 108 ทวิ วรรคสอง และ มาตรา 54 มาตรา 55 ประกอบมาตรา 72 ตรี แห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 360 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยกรรมการบริษัท แป้งมันเอี่ยมอีสานอุตสาหกรรม จำกัด มีผู้เป็นมาดังนี้ ปี 2552-2562 - นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล /นางยลดา และน.ส.สุดาวรรณ (พ่อ/แม่/ลูก) ปี 2562 ถึงปัจจุบัน - น.ส.สุดาวรรณ/น.ส.วีรียา (พี่น้อง) ซึ่งต่อมา น.ส.สุดาวรรณ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการ เพราะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีในสมัย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ปัจจุบันเป็น รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) และตามข่าวรัฐมนตรีก็ยอมรับว่าเป็นผู้ต้องหาคดีนี้จริง แต่ไม่อยากพูดอะไรเพราะเป็นห่วงบริษัท
นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้จึงขอถามดีเอสไออีกครั้งว่า ทำไมใช้เวลาสอบสวนนานถึง 6 ปีแล้ว และไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยที่จะบอกประชาชนเจ้าของประเทศว่าคดีสำคัญที่มีบุคคลสำคัญเป็นผู้ต้องหา ท่านทำไปถึงไหนและจะเสร็จสิ้นเมื่อใด จากการสอบสวนน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดและสมควรมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่สั่งฟ้อง การกระทำความผิดที่ถูกกล่าวหานั้น บริษัทและกรรมการผู้ถูกกล่าวหาได้หยุดการกระทำความผิดไปแล้ว หรือยังคงกระทำความผิดต่อเนื่องอยู่จนปัจจุบัน ท่านได้ดำเนินการอย่างไร ซึ่งเรื่องแบบนี้ท่านต้องแถลงให้ชัดเจนเพราะประชาชนให้ความสนใจและเป็นหน้าที่ของท่านที่จะต้องบอกให้กับประชาชนได้รับรู้
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้พฤติการณ์ของผู้ต้องหาเป็นข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ ป่าสงวนแห่งชาติ ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมโดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติหรือกระบวนการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า อันเป็นความผิดมูลฐานของกฎหมายฟอกเงิน ดีเอสไอ ได้ดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินหรือไม่ เพราะการกระทำดังกล่าว เข้าองค์ประกอบตามกฎหมายแล้ว หรือท่านละเว้นการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ท่านเองอาจถูกดำเนินคดีข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก็เป็นได้
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า เมื่อถามดีเอสไอแล้วก็ต้องถาม รมว.ยุติธรรม ว่าท่านเคยได้รับรายงานคดีนี้หรือไม่ ในฐานะที่ดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม (ถึงแม้ท่านจะถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในดีเอสไอในเวลาต่อมา) ท่านได้มีการสั่งการอย่างไรในคดีสำคัญเช่นนี้ และขอถามนายภูมิธรรม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษในคำถามเดียวกัน หากจะตอบว่าไม่เคยได้รับรายงานจากอธิบดีดีเอสไอ ก็จะถามว่าเมื่อได้รู้จากข่าวแล้วท่านจะดำเนินการคดีนี้อย่างไรต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย
"สุดท้าย ถามท่านนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าในการตรวจคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเพื่อนำชื่อทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีนั้น บุคคลดังกล่าวจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ท่านได้ตรวจสอบกรณีรัฐมนตรี สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล แล้ว และพบว่ารัฐมนตรีสุดาวรรณ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ แต่ก็ยังคงนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ใช่หรือไม่ เพราะท่านเห็นว่าการตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ยังไม่ถือว่า ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตจนเป็นที่ประจักษ์ และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง" นายศุภชัย กล่าว.