การปรับโฉมของกระบะสุดแกร่ง
สวัสดีวันหยุดยาว เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ อ้วนซ่าหวังว่าสุดสัปดาห์นี้ ลูกๆอย่าลืมทดแทนพระคุณ พาคุณแม่ไปเที่ยว ไปพักผ่อน กันนะขอรับ! สำหรับเรื่องราวในวันนี้ก็คือ การอัพเดทข่าวคราวของรถกระบะรุ่นใหม่ที่จะมาทดแทนรถรุ่น “ไฮลักซ์ รีโว่” (Hilux Revo) หรือไฮลักซ์ เจนเนอเรชั่นที่ 8 ที่อยู่กับพวกเรามาเกือบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี คศ. 2015 หรือ พศ. 2558 ในชื่อที่คาดการณ์กันไว้ว่า “ทราโว” (Travo)
โตโยต้า ไฮลักซ์ ทราโว นับเป็น ไฮลักซ์ ในเจนเนอเรชั่นที่ 9 และหากนับตั้งแต่เปิดตัว ไฮลักซ์ รุ่นแรก ในปี คศ.1968 หรือพศ. 2511 ก็ถือได้ว่า ไฮลักซ์นั้นมีอายุกว่า 57 ปีมาแล้ว โดยชื่อไฮลักซ์ นั้นมาจากการรวมกันของคำสองคำคือ Highly กับ Luxurious ซึ่งหมายถึง “ความหรูหรา เหนือระดับ” โดยหากนับตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบัน รถกระบะไฮลักซ์นั้น มียอดผลิตกว่า 19 ล้านคันทั่วโลก ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ใช้ ถึงความแข็งแกร่ง ทนทาน และง่ายต่อการดูแลรักษา ถึงขนาดที่รายการรถยนต์ “ท๊อปเกียร์” (Top Gear) อันเลื่องชื่อของ สถานี BBC จากประเทศสหราชอาณาจักร เรียกมันว่า “กระบะที่ไม่มีวันตาย” (The Indestructible Hilux)
รถเจนเนอเรชั่นที่ 9 หรือ ไฮลักซ์ ทราโว ยังคงใช้พื้นฐานเดียวกับ รีโว่ คือสถาปัตยกรรม โตโยต้า ไอเอ็มวี (IMV) โดยรูปทรงด้านข้างนั้นแทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ด้านหน้าและด้านท้ายได้รับการออกแบบใหม่หมดจด แน่นอนว่าหากจะมองว่า มันหน้าไม่ค่อยดุ นั่นก็เป็นเรื่องจริง แต่เชื่อเถอะว่า ของแบบนี้ทางโตโยต้าเค้าจะทยอยปรับโฉมไปเรื่อยๆอย่างแน่นอน เหมือนกับที่เราเห็นมาตลอด
ในส่วนของงานออกแบบห้องโดยสารนั้น จากภาพที่ใช้ในการจดสิทธิบัตรการออกแบบ จะเห็นได้ว่าได้รับการพัฒนาให้มีความร่วมสมัย มีการใช้จออินโฟเทนเมนต์ (Infotainment) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบ แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ยังตามหลังรถค่ายอื่นอยู่ไม่น้อย แต่ถ้ามองอีกแง่นึงคือ โตโยต้าเค้าขอยืนหยัดว่า ไฮลักซ์ คือรถลูกผู้ชายตัวจริง เรื่องการกดจอเล่น มันไม่ใช่สาระสำคัญ!
สำหรับด้านขุมกำลังนั้น ยังคงเป็นเครื่องยนต์ดีเซลที่เชื่อถือได้อย่างเครื่องยนต์รหัส 1GD-FTV (High) ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.8 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน แต่พ่วงกับระบบ มอเตอร์ไฟฟ้า แบบไมลด์ไฮบริด (Mild Hybrid) 48 โวลต์ มีกำลัง 16 แรงม้า และมีแรงบิด 65 นิวตันเมตร โดยจะเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ในแบตเตอรี่แบบลิเธียม ซึ่งจะติดตั้งอยู่ใต้เบาะแถวที่สอง โดยแบตเตอรี่นั้นเบามาก มีน้ำหนักเพียง 7.6 กิโลกรัมเท่านั้น
คาดว่าเครื่องยนต์ไมลด์ไฮบริด ใหม่จะมีกำลังรวม 225 แรงม้าที่ 3,400 รอบ/นาที และมีแรงบิดอยู่ที่ 550 นิวตันเมตร ในช่วง 1,600-2,800 รอบ/นาที แต่ลดการปล่อยไอเสีย ลงจากการใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ไมลด์ไฮบริด โดยยกระดับจากเดิมที่อยู่ในมาตรฐาน ยูโร 4 ไปสู่มาตรฐาน ยูโร 6 ซึ่งน่าจับตาว่า จะส่งกำลังผ่านห้องเกียร์ใหม่อัตโนมัติ 8 จังหวะหรือยังจะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ (และเกียร์ธรรมดาแบบ 6 จังหวะ) เช่นเดิมโดยเฉพาะสำหรับสำหรับตลาดที่ต้องการรถที่เรียบง่ายทนทาน
ส่วนใครที่หวังจะได้เห็นกระบะไฟฟ้าล้วนๆ ก็คงไม่ต้องกลั้นใจรอ เพราะตราบใดที่โตโยต้ายังไม่สามารถทำกระบะที่บรรทุกสัมภาระหนักๆแล้ววิ่งได้ไกลกว่า 300 กิโลเมตรได้จริงๆจังๆ พวกเขาก็ยังจะไม่คิดจะขายมันในเชิงพาณิชย์ให้เสียชื่อ
การเปิดตัวนั้นคาดว่าจะเป็นช่วงงาน “มหกรรมยานยนต์” หรือ “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” ในช่วงระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม 2568 นี้ ที่เมืองทองธานี ส่วนถ้าใครอยากได้อะไรที่ใหม่กว่านี้ สดกว่านี้ ก็คงต้องรออีกสัก 10 ปี นะขอรับ!