ทรัมป์ Effect สะเทือนเกาหลีใต้ คาดปีนี้เศรษฐกิจโตช้าสุดนับตั้งแต่โควิด
กำแพงภาษี ที่เกิดจากทรัมป์ Effect ตอนนี้กำลังสะเทือนไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่เศรษฐกิจพึงพาการส่งออก ค้าขายกับสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกันกับเกาหลีใต้ ที่ตอนนี้รัฐบาลได้ออกมาคาดการณ์การชะลอตัวที่อาจเติบโจเพียงแค่ 0.9% ในปีนี้ ซึ่งนี่คืออัตราที่เติบโตต่ำที่สุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะเดียวกันตอนนี้เกาหลีใต้ก็เผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างจากวิกฤตทางการเมืองจากอดีตประธานาธิบดียุน ซอกยอล
จากการเจรจาภาษีของเกาหลีและสหรัฐอเมริกาที่ตอนแรกโดนไปด้วยอัตรา 25% และผลสรุปตกที่ 15%แลกกับการลงทุน 350,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ครอบคลุมสินค้าส่งออกและอุตสาหกรรมยานยนต์ กลับไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจของเกาหลีดูดีขึ้น
สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า รัฐบาลเกาหลีใต้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกจะขยายตัวเพียง 0.9% ในปี 2568 ซึ่งถือเป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เศรษฐกิจหดตัวจากการระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 และแม้ว่าจะสูงกว่าที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) คาดการณ์ไว้เพียงเล็กน้อยที่ 0.8% แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้เกาหลีใต้กำลังตกเป็นที่นั่งลำบาก โดยเฉพาะผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าในอนาคต
ในช่วงครึ่งปีแรก การส่งออกของเกาหลีใต้ยังคงทรงตัว เนื่องจากมีการเร่งส่งออกสินค้าก่อนที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีนำเข้า แต่หลังจากบรรลุข้อตกลงการค้ากับวอชิงตันในช่วงปลายเดือนก.ค. การส่งออกก็เริ่มชะลอตัวลง ข้อมูลในช่วง 20 วันแรกของเดือนส.ค. แสดงให้เห็นว่าการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ลดลง 2.7% เทียบกับการเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค.
การคาดการณ์นี้ อาจตอกย้ำถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจใหญ่อันดับสี่ของเอเชีย ซึ่งยังคงฟื้นตัวจากวิกฤตทางการเมืองอย่างรุนแรง หลังจากความพยายามที่ล้มเหลวของอดีตประธานาธิบดียุน ซุก-ยอล ในการประกาศกฎอัยการศึกในฐานะผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ และเทคโนโลยีขั้นสูง เกาหลีใต้มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก และเป็นตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจโลก
โดยทางการเกาหลีใต้ ได้ระบุว่า สถานการณ์ตอนนี้ยังคงอยู่ภายใต้การติดตามอย่างใกล้ชิด และพร้อมใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหากจำเป็น นักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นแตกต่างกันว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ในการประชุมวันที่ 28 ส.ค.68 แต่ก่อนหน้านี้ รี ชาง-ยอง ผู้ว่าการธนาคารกลาง ได้ระบุไว้ว่าสมาชิกคณะกรรมการ 4 คนพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ในขณะที่ด้านการคลัง รัฐสภาและคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมมูลค่า 31.8 ล้านล้านวอน (2.33 พันล้านดอลลาร์) เมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจจากแรงกดดันทางการค้า และในสัปดาห์นี้ รัฐบาลยังได้ประกาศแพ็คเกจสนับสนุนมูลค่า 45.8 ล้านล้านวอนเพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานอีกด้วย
ส่วนด้านแรงงาน คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 170,000 ตำแหน่งในปีนี้ โดยการเติบโตในภาคบริการจะช่วยชดเชยการหดตัวในภาคก่อสร้างและการผลิต คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังอยู่ใกล้เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง ขณะที่ราคาพลังงานลดลง แต่รัฐบาลเตือนว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และสภาพอากาศที่ผันผวนอาจผลักดันให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง
นอกจากนี้เกาหลีใต้ยังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ เช่น การก่อสร้างที่ซบเซาและหนี้ครัวเรือนที่สูง โดยยุนอินแด รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า“เป้าหมายหลักของรัฐบาลปัจจุบันคือการยกระดับอัตราการเติบโตให้ถึงศักยภาพ และไม่มีทางกลับด้านได้”
อ้างอิง : Bloomberg