กรุงศรีไม่สิ้นคนดี!
จำได้ใช่ไหม?
ก็..โครงการ “สัญญาไม่เคยทอดทิ้ง ขอวิ่งเพื่อบ้านสุขสุดท้าย” ของ “2 เทวดาเดินดิน” คุณบิณฑ์-คุณเอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ นั่นไง!
สรุป..ยอดเงินที่ได้จากการวิ่งจากกรุงเทพฯ ถึงเส้นชัย จ.อุบลราชธานี มีประชาชนผู้มีจิตศรัทธาทั้งที่มอบให้กับมือโดยตรงระหว่างวิ่งตามเส้นทาง และโอนผ่านธนาคาร..
รวมทั้งสิ้น (ไม่หักค่าใช้จ่าย) จำนวน 30,000,000 บาท!
ปรบมือสิครับรอไร..นี่ต้องบอกว่าด้วยความศรัทธา ความรัก ความชื่นชอบในตัวของคุณบิณฑ์-คุณเอกพันธ์โดยแท้ แม้แต่ในยามที่อัตคัดขัดสนกันทั่วหน้ากับปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง..
แต่..ชาวบ้าน-แฟนคลับก็ยังควักกระเป๋าเจียดเงินร่วมบริจาคคนละเล็กคนละน้อย จนสำเร็จได้ตามประสงค์!
คือ..คุณบิณฑ์มีความประสงค์-ตั้งใจ อยากได้ “บ้านสุขสุดท้าย” อีกสักหลังที่กว้างขวางใหญ่โต สามารถเพิ่มจำนวนเตียงให้ได้ 50 ถึง 70 เตียง
แบ่งเป็นสัดเป็นส่วนอย่างชัดเจน ส่วนของสุภาพบุรุษ ส่วนของสุภาพสตรี และผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ก็จะมีห้องแยกไว้ต่างหาก
พร้อมกับมีห้องฟอกไตอย่างน้อย 2 ห้องไว้ให้บริการสำหรับผู้ที่ยากไร้ หรือผู้สูงวัยที่ถูกทอดทิ้งโดยลูก-หลาน หรือผู้ไม่มีญาติ ไม่สามารถดูแลตัวเองได้..
โดยไม่ต้องเสียค่าบริการ-ค่าใช้จ่ายใดๆ แม้แต่สตางค์แดงเดียว!
ซึ่งบ้านสุขสุดท้าย 1 ที่ตั้งอยู่ที่ ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี บนเนื้อที่ 7 ไร่ มีจำนวนเตียงเพียงแค่ 20 เตียง มีผู้ปฏิบัติงานอยู่ 7 ท่าน และค่อนข้างแออัด
เมื่อได้เงินทุนก้อนใหญ่มา คุณบิณฑ์ก็จะสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามที่ตั้งใจ โดยเดือนกันยายนนี้จะมีพิธีวางเสาเข็ม และก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2569
และหากไม่ปัญหาอะไรติดขัด (หวังว่าจะไม่มี) ก็จะเปิดให้บริการได้ประมาณมกราคมปี 2570 นู้น!
ครับ..ก็เป็นเป็นเรื่องของคนดีที่ได้อุทิศตัว-หัวใจเป็น “จิตอาสา” เพื่อทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาตลอดหลายสิบปี!
ส่วนนั่น..กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี ฉันใด..กรุงเทพมหานคร-ประเทศไทย ก็ย่อมจะไม่สิ้นคนดีฉันนั้น!
ฉะนั้น..ก็อย่าเลย อย่าเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้กองทัพบกต้องปั่นป่วนไป
เพราะในการบัญชาการรบ เพื่อทวงคืนและปกป้องดินแดน ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำเข้ามายึดครอง ตลอดแนวชายแดน จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี..
ยังมี “แม่ทัพ” ที่กล้า-เก่งกาจ มีความรู้ความสามารถอยู่อีกเป็นกระบุงโกย ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องหวั่น ทหารนั้นไม่มีวันหน่อมแน้มในศึกสงครามหรอก!
อันนักรบไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึก เพราะจะทำให้พ่ายแพ้ต่อสงคราม และทำให้กลยุทธ์ที่วางไว้เกิดความเสียหาย คำโบราณกล่าวก็เป็นความจริงอยู่
แต่..เราก็ต้องมีศรัทธา เชื่อมั่น ว่าม้าที่เปลี่ยนกลางศึกสงครามขณะนี้นั้น ต้องเป็น “ม้าดี-ม้าเก่ง” ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า “แม่ทัพกุ้ง” เป็นแน่!
เอาน่า..การศึกต้องไว้ใจ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกองทัพไป ส่วนเรา-ประชาชนคนไทย หน้าที่คือต้อง “สามัคคี” กันไว้ ต้องระลึกในพระบรมราโชวาทของพ่อหลวง ร.9 อยู่ในใจเสมอ..
“…คราวใดที่ชาวไทยมีความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกัน ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อประเทศชาติแล้ว ชาติก็ได้รอดพ้นจากภัยพิบัติสู่ความสุขความเจริญ
แต่คราวใดที่ขาดความสามัคคีกลมเกลียวกัน ก็ต้องประสบเคราะห์กรรมกันทั้งชาติ จึงเป็นหน้าที่ของเราทั้งหลาย ที่จะต้องร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด…”!
จะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ว่ากันด้วยเหตุด้วยผล ละอคติ-วางการเมืองกันลงเสียบ้าง ยามนี้ต้องเอาชาติ-ความมั่นคงของประเทศเป็นหลัก!
รัฐบาลก็ขาดความไว้วางใจจากประชาชนไปแล้ว เศรษฐกิจก็ไม่มีทีท่าจะโงหัว หันซ้ายและขวาก็ไม่รู้อนาคตข้างหน้าประเทศชาติจะไปต่ออย่างไร..
อุ๊งอิ๊งไปแล้วใครมา ถ้าเป็นคุณชัยเกษม ก็..
เอวัง!.
สันต์ สะตอแมน