79 ปีหมดสิ้นแล้ว! 'นิพนธ์'ลั่นความเป็นสถาบันทางการเมือง ของประชาธิปัตย์ไม่เหลือแล้ว
79 ปีหมดสิ้นแล้ว! “นิพนธ์” ผิดหวัง ปชป. ทำผิดซ้ำซ้อนให้สัตยาบันย้อนหลังปมรองรับเสนอชื่อรมต.พรรค ชี้ประชาชนหมดศรัทธา “ประชาธิปัตย์ไม่เหลือเค้าเดิม” โอดพรรคอยู่ในกำมือของคนสองคนสุมหัวทำอะไรก็ได้ จบแล้ว79 ปีข้อบังคับถูกเหยียบย่ำไม่เหลือความเป็นสถาบันการเมือง
9 กรกฎาคม 2568 นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยภายหลังจากที่ประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมาเมื่อวานนี้ ซึ่งมีวาระสำคัญคือการ “ให้สัตยาบันย้อนหลัง” เพื่อรองรับการเสนอชื่อรัฐมนตรีของพรรค ที่ก่อนหน้านี้มิได้ผ่านมติพรรคตามข้อบังคับที่กำหนดไว้ การให้สัตยาบันในวันนี้ คือการยอมรับว่า ได้ทำผิดข้อบังคับพรรคจริง และยิ่งแสดงชัดว่าการเสนอชื่อรัฐมนตรีไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่พรรคกำหนดไว้แต่แรก ยิ่งไปกว่านั้น ข้อบังคับพรรคเองก็ไม่ได้เปิดช่องให้สามารถให้สัตยาบันย้อนหลังได้เลย เพราะข้อบังคับพรรคได้กำหนดหมวดว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้โดยเฉพาะแล้ว
นายนิพนธ์ ระบุว่า การประชุมครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหา แต่คือการทำผิดซ้ำสอง และยังสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาหากมีการแก้ไขเอกสารการประชุมย้อนหลังรวมถึงอาจเข้าข่ายขัดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 21 ที่กำหนดให้กรรมการบริหารพรรคต้องดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และข้อบังคับพรรคอย่างเคร่งครัด อันจะนำไปสู่การผิดจริยธรรมด้วย
“ผมไม่นึกว่า วันนี้ประชาธิปัตย์จะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ เพราะหากทำถึงขนาดนี้ได้ ก็เท่ากับว่า ข้อบังคับไม่มีความศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คือการออก นิรโทษกรรมให้ตัวเองโดยพละการ ทำลายหลักธรรมาภิบาลของพรรค และบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือในสายตาของมวลสมาชิกและประชาชนความเป็นประชาธิปัตย์ในอดีต ได้สิ้นสุดลงแล้ว ประชาธิปัตย์ ไม่เหลือความเป็นประชาธิปัตย์ดั้งเดิมอีกต่อไปแล้ว นับแต่นี้ พรรคจะอยู่ในกำมือของคนเพียงสองคนหรือไม่กี่คน ที่จะสุมหัวกันคิดทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องคำนึงถึงข้อบังคับพรรคและเมื่อถึงจุดที่ข้อบังคับถูกเหยียบย่ำ ความเป็นประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นสถาบันทางการเมืองที่อยู่มาแล้วกว่า 79 ปี ก็หมดสิ้นและจบกันแล้วจริง ๆ”นายนิพนธ์กล่าว