รีวิว CMF Phone 2 Pro และ CMF Buds 2 Series คุ้มค่า โดดเด่น ดีไซน์ล้ำ จาก CMF by Nothing
CMF by Nothing แบรนด์เทคโนโลยีสำหรับผู้บริโภคจากลอนดอน มุ่งมั่นที่จะทำให้การออกแบบที่ยอดเยี่ยมเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น ด้วยอุปกรณ์ที่ทั้งสวยงามและใช้งานได้จริง โดยเน้นที่ฟังก์ชันการทำงานหลักของผลิตภัณฑ์เพื่อมอบประสบการณ์ผู้ใช้ที่เหนือกว่า ในปี 2024 CMF ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์มากมาย รวมถึง CMF Buds และ Buds Pro 2, Neckband Pro, Watch Pro 2 และ CMF Phone 1 ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในปี 2025 นี้ CMF ได้เปิดตัว CMF Buds 2 Series และ CMF Phone 2 Pro ซึ่งมาพร้อมกับการปรับปรุงที่น่าสนใจ
CMF Phone 2 Pro
CMF Phone 2 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่น ทรงพลัง และสนุกสนาน ออกแบบมาเพื่อเก็บช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิตด้วยความสุขและดีไซน์ที่ประณีต เป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคนหนุ่มสาวและผู้สร้างสรรค์ที่ไม่ต้องการทำตามกระแสและแสวงหาเทคโนโลยีที่แตกต่าง
- กล้อง: ระบบกล้องสี่ตัวที่ล้ำสมัย กล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล ที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่ที่สุดในระดับเดียวกัน สามารถเก็บแสงได้มากขึ้น 64% เมื่อเทียบกับ Phone 1 ทำให้ได้ภาพที่แท้จริง สดใส และเหมือนจริง เลนส์ Telephoto ทรงพลังใช้เลนส์ซ้อนกัน 6 ชั้นเพื่อซูมแบบดิจิทัลได้ 20x กล้อง Ultrawide 8 ล้านพิกเซล ให้มุมมองกว้าง 119.5° และกล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล สำหรับเซลฟี่ที่คมชัด TrueLens Engine 3.0: ใช้อัลกอริทึม Ultra XDR ขั้นสูงพร้อมการประมวลผลอัจฉริยะ เพื่อให้การแสดงผลแสงและเงาในระดับมืออาชีพ เพิ่มความสว่างและคอนทราสต์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
- ประสิทธิภาพ: ขับเคลื่อนด้วยชิปฯ MediaTek Dimensity 7300 Pro 5G รุ่นที่ 6 ใหม่ล่าสุด พร้อม CPU 8 คอร์ ที่ความเร็วสูงสุด 2.5 GHz ให้ประสิทธิภาพการประมวลผลที่เร็วกว่า 10% และกราฟิกดีขึ้น 5% เมื่อเทียบกับ CMF Phone 1 RAM Booster: มาพร้อม RAM สูงสุด 16 GB และสามารถใช้พื้นที่เก็บข้อมูลที่มีอยู่สูงสุด 8 GB เป็น RAM Booster เพื่อให้แอปฯ ทำงานเบื้องหลังได้มากขึ้น
- Performance Mode: โหมดที่ปรับแต่งจาก Game Mode โดยเน้นประสิทธิภาพมากกว่าการประหยัดพลังงาน ช่วยลดปัญหาการกระตุก ความไม่เสถียร และเฟรมดรอป
- ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว: มีระบบระบายความร้อนขั้นสูง พร้อมท่อความร้อนที่มีการนำความร้อนสูง และเพิ่ม Cryogenic Frame ที่ด้านข้างของสมาร์ทโฟน รวมถึงวัสดุกราไฟต์ที่มีการนำความร้อนสูงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
- แบตเตอรี่: แบตเตอรี่ความจุ 5000 mAh สามารถใช้งานได้สองวันต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง รองรับ 33W Fast Charge ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เพียงพอสำหรับการใช้งานทั้งวันในเวลาเพียง 20 นาที
- หน้าจอแสดงผล: หน้าจอ 6.77" FHD+ Flexible AMOLED รองรับ HDR Photography และ Ultra HDR ที่เพิ่มความสว่างสูงสุด 3000nits มีอัตราการรีเฟรชแบบปรับได้ 120 Hz
- Nothing OS 3.2: ระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่าย เน้นการปรับแต่งฟังก์ชันการทำงาน และมอบประสบการณ์สมาร์ทโฟนที่คำนึงถึงผู้ใช้มากขึ้น มี Essential Space สำหรับบันทึกข้อมูลและจัดระเบียบโดยอัตโนมัติด้วย AI และ Privacy Space สำหรับล็อกแอปฯ ไฟล์ และรูปภาพส่วนตัว
CMF Phone 2 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่บางที่สุดที่ Nothing เคยออกแบบมา โดยมีความหนาเพียง 7.8 มม. และน้ำหนักเพียง 185 กรัม ตัวเครื่องทำจากวัสดุที่สวยงาม พร้อมขอบกล้องอะลูมิเนียม และใช้สกรูสเตนเลสสตีลที่เป็นเอกลักษณ์ของ Nothing มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว, สีดำ, สีส้ม และ สีเขียวอ่อน ซึ่งสีดำ และ สีเขียวอ่อน มีฝาหลังคล้ายแก้วที่เลียนแบบพื้นผิวกระจกฝ้าและมีขอบโลหะ สีขาว มีพื้นผิวแบบ Sandstone ที่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกและสัมผัสที่เป็นธรรมชาติ ส่วนสีส้ม มีความแวววาวแบบเมทัลลิกและเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด
ด้านหน้า (Front):
จอแสดงผล: เป็นจอแบนเรียบ มีรูกล้องหน้าแบบ Punch-hole อยู่ตรงกลางด้านบนของหน้าจอ
- ขอบจอ: ขอบจอค่อนข้างบาง ทำให้มีพื้นที่การแสดงผลที่กว้าง
- UI/UX: แสดงผลหน้าจอหลักที่มี Widget นาฬิกาแบบอนาล็อก, Widget อื่นๆ ที่เป็นไอคอนสไตล์ขาวดำ/เทา และแถบค้นหาของ Google ด้านล่าง วอลล์เปเปอร์เป็นภาพพื้นผิวคล้ายดวงจันทร์หรือหินทรายโทนสีขาวเทา
- ลำโพงสนทนา: คาดว่าน่าจะซ่อนอยู่บริเวณขอบจอด้านบนสุด
ด้านหลัง (Back):
ดีไซน์: มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ คือส่วนบนสีขาวเรียบ และส่วนล่างสีเทาอ่อนมีพื้นผิวสัมผัสคล้ายหิน หรือวัสดุรีไซเคิล
- กล้อง: มีชุดกล้องหลัง 3 ตัว จัดเรียงเป็นสามวงกลมแนวตั้ง โดยมีไฟแฟลชอยู่ด้านข้าง
- สกรู: มีการใช้สกรูแบบหัวแฉก (Phillips head screws) ที่มุมทั้งสี่ของเครื่อง และรอบๆ โมดูลกล้อง ซึ่งเป็นองค์ประกอบดีไซน์ที่โดดเด่นและดูแข็งแกร่ง
- โลโก้: มีโลโก้ "cmf by NOTHING" อยู่บริเวณด้านหลังส่วนล่าง บ่งบอกถึงแบรนด์ CMF ซึ่งเป็นแบรนด์ลูกของNothing
- อื่นๆ: มีสัญลักษณ์ CE Mark และข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่พิมพ์อยู่ด้านหลัง
ด้านขวา (Right Side):
ปุ่มปรับระดับเสียง: มีปุ่มปรับระดับเสียงสองปุ่มแยกกัน (เพิ่ม/ลดเสียง)
- ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง (Power Button): มีปุ่มเปิด/ปิดเครื่องอยู่ด้านล่างปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านซ้าย (Left Side):
ด้านซ้ายของเครื่องดูเรียบง่าย ไม่มีปุ่มหรือพอร์ตใดๆ
ด้านบน (Top):
ไมโครโฟน: มีรูไมโครโฟนขนาดเล็กหนึ่งรู
ด้านล่าง (Bottom):
ช่องใส่ซิมการ์ด: มีถาดใส่ซิมการ์ด (SIM card tray)
- พอร์ต USB Type-C: มีพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จและเชื่อมต่อข้อมูลอยู่ตรงกลาง
- ไมโครโฟน: มีรูไมโครโฟน
- ลำโพง: มีช่องลำโพงอยู่ด้านขวาสุด
สเปคโดยรวม
ความจุ: 8 GB + 128 GB และ 8 GB + 256 GB (พื้นที่เก็บข้อมูลขยายได้สูงสุด 2 TB)
ขนาดและน้ำหนัก: สูง 164 มม., กว้าง 78 มม., ลึก 7.8 มม., น้ำหนัก 185 กรัม
หน้าจอ:
ขนาด: 6.77 นิ้ว
- ประเภทจอ: จอ AMOLED แบบยืดหยุ่น (flexible AMOLED)
- วัสดุปกป้องหน้าจอ: Panda glass
- ความละเอียด: 1080 x 2392 พิกเซล (ความหนาแน่นพิกเซล 387 PPI)
- ขอบเขตสี: รองรับสี 10-bit (แสดงผลได้ 1.07 พันล้านสี)
- อัตราส่วนคอนทราสต์: 1,000,000:1 (อัตราส่วนความคมชัด)
- อัตรารีเฟรช: 120 Hz แบบปรับได้ (adaptive refresh rate)
- อัตราตอบสนองการสัมผัสทันที: 1000 Hz (instant touch sampling rate)
- ความถี่ PWM: 2160 Hz (PWM frequency)
- ความสว่างสูงสุด (Peak Brightness): 3000nits
- ความสว่างกลางแจ้ง (Outdoor Brightness): 1300nits
- ความสว่างทั่วไป (Typical Brightness): 800nits
- มาตรฐาน HDR: รองรับ HDR10+
การกันน้ำและฝุ่น: IP54
แบตเตอรี่: 5000 mAh, 33W Fast Charging, 5W reverse wired charging
ชิปเซ็ต: MediaTek Dimensity 7300 Pro 5G, 8-core up to 2.5 GHz, 4nm TSMC process
เซนเซอร์ลายนิ้วมือ: Under-display optical fingerprint
เสียง: 2 high-definition mics, 150% ultra volume speaker
เครือข่าย: Dual SIM, Nano-SIM, Gigabit LTE Advanced, Gigabit 5G Dual Mode (NSA & SA)
ระบบปฏิบัติการ: Nothing OS 3.2 (Powered by Android 15)
การอัปเดตซอฟต์แวร์: อัปเดต Android 3 ปี, อัปเดตความปลอดภัย 6 ปี
กล้องหลัง:
Main: 50 MP, f/1.88, 1/1.57" sensor, EIS, Phase Detection Autofocus
- Telescope: 50MP, f/1.85, 1/2.88" sensor, EIS, 2x optical zoom, 20x digital zoom
- Ultra-wide: 8 MP, f/2.2, 1/4" sensor, 119.5° FOV
กล้องหน้า: 16 MP, f/2.45, 1/3" sensor
คุณสมบัติกล้อง: Truelens Engine 3.0, Ultra XDR, Auto Tone, Portrait Optimiser, Motion Photo, Night Mode
การบันทึกวิดีโอ: 4K recording at 30 FPS, 1080p recording at 30 or 60 FPS, Slo-mo at 120 FPS, Time Lapse (4K), EIS image stabilisation
CMF Buds 2 Series
CMF Buds 2 Series นำเสนอหูฟังไร้สาย 3 รุ่น ได้แก่ Buds 2, Buds 2 Plus และ Buds 2a ซึ่งครอบคลุมช่วงราคาที่หลากหลายเพื่อให้เข้าถึงได้ทุกคน แต่ละรุ่นมีความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการออกแบบ มอบการควบคุมประสบการณ์การฟังที่ดียิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้
- CMF Buds 2: เป็นคู่หูอเนกประสงค์สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ผสมผสานเสียงที่ยอดเยี่ยม ความสะดวกสบาย และคุณสมบัติอัจฉริยะ มาพร้อมระบบ Dirac Opteo™ tuning, ระบบตัดเสียงรบกวนไฮบริด ANC 48 dB และ Spatial Audio Effect เพื่อประสบการณ์การฟังที่ชัดเจนและมีมิติยิ่งขึ้น
- CMF Buds 2 Plus: ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับพรีเมียม รองรับ Hi-Res LDAC, การปรับเสียงชดเชยการได้ยิน และการปรับแต่ง EQ เต็มรูปแบบ เพื่อเสียงที่สมดุลและปรับแต่งให้เข้ากับโปรไฟล์การได้ยินที่เป็นเอกลักษณ์ของคุณ มีระบบตัดเสียงรบกวนไฮบริด ANC 50 dB พร้อมช่วงความถี่กว้างพิเศษ 5400 Hz และ Smart Adaptive Mode ที่ปรับระดับการตัดเสียงรบกวนตามสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์
- CMF Buds 2a: เป็นตัวเลือกเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่าย มอบเสียงที่ชัดเจนสำหรับทุกคน ด้วยการออกแบบที่เบาเป็นพิเศษ ให้เสียงคุณภาพสูงพร้อม ANC 42 dB, ไดรเวอร์ bio-fibre ขนาด 12.4 มม. และเสียงเบสที่หนักแน่นสำหรับการฟังตลอดทั้งวัน
จุดเด่นของทุกรุ่นที่เหมือนกัน
- คุณภาพเสียง:Buds 2 ใช้ไดรเวอร์ PMI ขนาด 11 มม. พร้อม Dirac Opteo™ tuning และ N52 magnets เพื่อเสียงที่ทรงพลัง Buds 2 Plus ใช้ไดรเวอร์ LCP ขนาด 12 มม. พร้อม LDAC และ Hi-Res Wireless Audio certification เพื่อเสียงคุณภาพสตูดิโอ Buds 2a ใช้ไดรเวอร์ bio-fibre TPU ขนาด 12.4 มม. พร้อม Dirac tuning และ Ultra Bass Technology 2.0
- ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC): Buds 2 มี Hybrid ANC 48 dB, Buds 2 Plus มี Hybrid ANC 50 dB และ Buds 2a มี Active Noise Cancellation 42 dB
- Spatial Audio Effect: Buds 2 และ Buds 2 Plus มี Spatial Audio Effect ที่ขับเคลื่อนโดยอัลกอริทึม HRTF-based เพื่อประสบการณ์เสียงรอบทิศทางเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์
- แบตเตอรี่: Buds 2 ให้การเล่นต่อเนื่องสูงสุด 13.5 ชั่วโมง (ปิด ANC) และ 55 ชั่วโมงเมื่อรวมกับเคส Buds 2 Plus ให้การเล่นต่อเนื่องสูงสุด 14 ชั่วโมง (ปิด ANC) และ 61.5 ชั่วโมงเมื่อรวมกับเคสBuds 2a ให้การเล่นต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง (ปิด ANC) และ 35.5 ชั่วโมงเมื่อรวมกับเคส ทั้งสามรุ่นรองรับการชาร์จเร็ว 10 นาที เพื่อการใช้งานเพิ่มเติม
- การโทร: ทั้งสามรุ่นมีไมโครโฟน HD พร้อม AI-powered Environmental Noise Cancellation และ Wind Noise Reduction เพื่อการโทรที่คมชัด
- Nothing X App: สามารถปรับแต่ง EQ, ระดับ Ultra Bass, การควบคุมแบบสัมผัส และระดับ ANC ได้ผ่านแอปฯ Nothing X นอกจากนี้ยังมี Dual Connection และ Low Lag Mode สำหรับการเล่นเกม และรองรับการเปิดใช้งาน ChatGPT โดยตรงจากโทรศัพท์
- CMF Buds 2: มีดีไซน์มินิมอลพร้อมพื้นผิว Sandblasted Matte และ Metallic Accents มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทาเข้ม Dark Grey, สีเขียวอ่อน Light Green และ สีส้ม ตัวหมุนแบบโปร่งใสเพิ่มความทันสมัย
- CMF Buds 2 Plus: มีพื้นผิวเรียบเนียนแบบ Soft-touch พร้อม Sandblasted Metal เพื่อความรู้สึกที่พรีเมียมและทนทาน มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน และ สีเทาอ่อน Light Grey
- CMF Buds 2a: มีดีไซน์ที่เบาและถูกหลักสรีรศาสตร์พร้อมพื้นผิว Matte และ Glossy มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีเทาเข้ม Dark Grey, สีเทาอ่อน Light Grey และ สีส้ม เคสมีรูสำหรับคล้องสายคล้องเพื่อความสะดวกในการพกพา
3. สเปคโดยรวม
เทคโนโลยีเสียง:
Buds 2a: 12.4 mm Bio-fibre driver (Dirac™ Tuning)
- Buds 2: 11 mm PMI driver with Dirac Opteo™
- Buds 2 Plus: 12 mm LCP driver, Hi-Res LDAC, Hearing Compensation
ANC (ลดเสียงรบกวน):
Buds 2a: 42 dB ANC, Transparency Mode
- Buds 2: 48 dB Hybrid ANC, 5200 Hz frequency range
- Buds 2 Plus: 50 dB Hybrid ANC, 5400 Hz frequency range with Smart Adaptive Mode
แบตเตอรี่ (หูฟังเท่านั้น, ปิด ANC):
Buds 2a: สูงสุด 8 ชั่วโมง
- Buds 2: สูงสุด 13.5 ชั่วโมง
- Buds 2 Plus: สูงสุด 14 ชั่วโมง
แบตเตอรี่ (รวมเคส, ปิด ANC):
Buds 2a: สูงสุด 35.5 ชั่วโมง
- Buds 2: สูงสุด 55 ชั่วโมง
- Buds 2 Plus: สูงสุด 61.5 ชั่วโมง
ชาร์จเร็ว (10 นาที):
Buds 2a: 5.5 ชั่วโมง (รวมเคส)
- Buds 2: 7.5 ชั่วโมง (รวมเคส)
- Buds 2 Plus: 8.5 ชั่วโมง (รวมเคส)
ไมโครโฟน:
Buds 2a: มีไมโครโฟนคุณภาพสูง (HD mics) จำนวน 4 ตัว มาพร้อมกับเทคโนโลยี Clear Voice Technology
- Buds 2: มีไมโครโฟนคุณภาพสูง (HD mics) จำนวน 6 ตัว มาพร้อมกับเทคโนโลยี Clear Voice Technology 3.0
- Buds 2 Plus: มีไมโครโฟนคุณภาพสูง (HD mics) จำนวน 6 ตัว มาพร้อมกับเทคโนโลยี Clear Voice Technology 3.0
Wind Noise Reduction(ลดเสียงลม):
Buds 2a: มาพร้อมกับเทคโนโลยีลดเสียงลม (Wind Noise Reduction 2.0)
- Buds 2: มาพร้อมกับเทคโนโลยีลดเสียงลม (Wind Noise Reduction 3.0)
- Buds 2 Plus: มาพร้อมกับเทคโนโลยีลดเสียงลม (Wind Noise Reduction 3.0)
มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น:
Buds 2a: มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP54
- Buds 2: มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP55
- Buds 2 Plus: มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP55
สี:
Buds 2a: สีเทาเข้ม Dark Grey, สีเขียวอ่อน Light Grey, สีส้ม
- Buds 2: สีเทาเข้ม Dark Grey, สีเขียวอ่อน Light Green, สีส้ม
- Buds 2 Plus: สีน้ำเงิน, สีขาว Light Grey
ราคาและการวางจำหน่าย
CMF Phone 2 Pro และ CMF Buds 2 พร้อมวางจำหน่ายแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้:
CMF Phone 2 Pro: มี 2 รุ่นให้เลือกใน 3 สี (ดำ / ขาว / ส้ม)
8 + 128GB ในราคา 8,999 บาท
- 8 + 256GB ในราคา 9,999 บาท
CMF Buds 2: วางขายในสีเทาเข้ม Dark Grey / เขียวอ่อน Light Green / ส้ม ที่ราคา 1,899 บาท
ช่องทางออนไลน์:
- Nothing.tech
- Lazada Nothing Flagship Store
- Shopee Nothing Official Store
- Powerbuy Online
ร้านค้าที่วางจำหน่าย:
- Nothing Store ที่ TECHHOUSE by Dotlife ชั้น 2 ศูนย์การค้า One Bangkok
- JayMart
- AIS
- Dotlife
- BaNANA (เฉพาะหูฟัง)
- Powermall (เฉพาะหูฟัง)
- Munkong Gadget (เฉพาะหูฟัง)