โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

‘ดีบีเอส วิคเคอร์ส’ มองหุ้นไทย-หุ้นโลก

ข่าวหุ้นธุรกิจ

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

เส้นทางนักลงทุน

เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ได้เชิญ CIO หรือ Chief Investment Office, DBS Bank และทีมงาน มาให้ข้อมูลแนวโน้มการลงทุนในครึ่งหลังปี 2568 - จุดเปลี่ยนของโลก โดยมองนโยบายของทรัมป์จะจุดชนวนภาษีในระดับโลก รวมทั้งความไม่ชัดเจนด้านนโยบายจะสร้างความเสี่ยงในสินทรัพย์การเงินทั่วโลก ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังคงต้องจับตาผลการเจรจาภาษีทรัมป์ของรัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไร

ทีมงานของ DBS ระบุว่า ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น ยังคงมองเป้าหมายดัชนีตลาดหลักทรัพย์สิ้นปีนี้ที่ 1,300 จุด ภายใต้สมมติฐานว่าไทยสามารถเจรจาลดภาษีได้ในระดับไม่เกิน 20% เนื่องจากราคาหุ้นไทยไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน รวมทั้งหุ้นหลายกลุ่มราคาปรับลดลงมามาก ขณะที่ศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไรยังอยู่ในระดับเดิม นอกจากนี้ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มค้าปลีก และกองรีทต่าง ๆ

อย่างไรก็ตาม หากทีมไทยแลนด์ไม่สามารถเจรจาปรับลดภาษีให้ต่ำกว่าระดับ 20% ได้ ตลาดหุ้นไทยจะถูกกดดันทำให้ดัชนีปรับลดลงมาอยู่ในระดับ 1,000-1,100 จุด ส่วนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) จะหดตัวลงเหลือเพียง 1% จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ระดับ 1.8% ส่วนอัตราดอกเบี้ยนั้นมองว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ถึงปีหน้าอีก 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1%

สำหรับมุมมองที่มีต่อสถานการณ์ทั่วโลก “เอ็ดวิน ตัน “ Market Head DBS, Thailand & Philippines, DBS Bank ระบุว่า ครึ่งปีหลังของปี 2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของตลาดโลก เพราะตลาดหุ้นทั่วโลกสามารถฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 2 ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสภาวะที่ท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของนโยบายภาษี, สัญญาณเศรษฐกิจที่สับสนจากการดำรงตำแหน่งสมัยที่สองของประธานาธิบดีทรัมป์, และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาทางการคลังของสหรัฐฯ ในขณะที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์หลายจุด

นโยบายของทรัมป์กลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนทั่วโลกต่างให้ความสนใจ และโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่พันธมิตรระหว่างประเทศกำลังเปลี่ยนรูป ยุคที่หลายประเทศหันกลับมาเน้นความพึ่งพาตนเอง ยุคที่โครงสร้างการค้าโลกกำลังถูกปรับสมดุลใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนฉากหลังของความกังวลต่อเสถียรภาพทางการคลังของสหรัฐฯ ที่กำลังทวีความรุนแรง ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI ก็ยังคงเปลี่ยนวิถีชีวิต การทำงาน และวิธีการลงทุนอย่างรวดเร็ว

ด้าน “เวย์ ฟุก โหว” Chief Investment Office, DBS Bank กล่าวว่า นโยบายทรัมป์ สร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วโลก ตั้งแต่การลดงบประมาณของกระทรวงพลังงาน (DOGE) อย่างรุนแรง ไปจนถึงการจุดชนวนสงครามภาษีในระดับโลก แม้แนวทางดังกล่าวจะช่วยวางตำแหน่งใหม่ให้กับสหรัฐฯ ในเวทีระหว่างประเทศ แต่ความไม่ชัดเจนด้านนโยบายยังคงเป็นปัจจัยหลักที่กดดัน risk premium ของสินทรัพย์การเงินสหรัฐฯ ให้เพิ่มสูงขึ้น การผ่านร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีครั้งใหญ่ล่าสุด ยิ่งทำให้เกิดข้อกังวลเรื่องความยั่งยืนทางการคลังอย่างมีนัยสำคัญ

โดยข้อมูลจากสำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ (CBO) คาดการณ์ว่าขาดดุลงบประมาณจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ และหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 118% ของ GDP ภายในปี 2035 การที่ Moody’s ปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ลงสู่ระดับ Aa1 จึงถือเป็นสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ว่าสหรัฐฯ กำลังสูญเสียสถานะ “ปลอดความเสี่ยง” ของพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีที่ทะลุ 5% สะท้อนความกังวลของนักลงทุนต่อเสถียรภาพทางการคลังที่กำลังลดลง

"Beautiful Tariff War ของทรัมป์มีเป้าหมายสองประการ ได้แก่ การควบคุมอิทธิพลของจีนในเชิงยุทธศาสตร์ และการจัดเก็บรายได้เพิ่มเติมเพื่อลดปัญหาความเสี่ยงล้มละลายของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้าแบบเหมารวมในอัตรา 20% รายได้สุทธิที่เพิ่มขึ้นหลังปรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจะอยู่ที่เพียง 185.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งยังไม่เพียงพอแม้แต่จะครอบคลุมดอกเบี้ยจากหนี้ภาครัฐ ข้อจำกัดทางการคลังเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้ DBS ปรับกลยุทธ์การลงทุนที่สำคัญ

ทั้งนี้ DBS คงน้ำหนัก “Neutral” ในตลาดหุ้น โดยคาดว่าผลตอบแทนจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค และกลุ่มอุตสาหกรรม และยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มบริการมีแนวโน้มเติบโตดีกว่ากลุ่มที่เน้นสินค้า

แต่ได้ปรับลดน้ำหนักพันธบัตรรัฐบาลในตลาดพัฒนาแล้ว (DM) สู่ระดับ “Neutral” จากความกังวลด้านการคลังและเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง พร้อมทั้งให้น้ำหนัก “Overweight” ต่อสินทรัพย์ทางเลือก โดยเฉพาะทองคำ (คาดการณ์เป้าหมายที่ 3,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในไตรมาส 4 ปี 2568) และสินทรัพย์นอกตลาดที่สามารถสร้างรายได้ประจำ

โดยมองว่า 3 ธีมหลักที่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางในไตรมาส 3 ปีนี้ที่ครอบคลุมแนวโน้มการลงทุน ได้แก่ 1. การคลี่คลายความตึงเครียดทางภาษีอย่างเป็นรูปธรรม 2. ผลตอบแทนของตลาดหุ้นที่เริ่มแตกต่างกันชัดเจนระหว่างภูมิภาค และกลุ่มอุตสาหกรรม และ 3. ความเสี่ยงทางการคลังที่กดดันพันธบัตรรัฐบาลและค่าเงินดอลลาร์

“ความไม่ชัดเจนด้านนโยบาย และการใช้จ่ายภาครัฐอย่างไร้ขีดจำกัดของสหรัฐฯ กำลังเพิ่มระดับความเสี่ยงในสินทรัพย์การเงินทั่วโลก แม้การคลี่คลายความตึงเครียดทางภาษี จะมีแนวโน้มขับเคลื่อนด้วยเหตุผลเชิงปฏิบัติ แต่นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับผลตอบแทนที่แตกต่างกันมากขึ้น ระหว่างกลุ่มอุตสาหกรรม โดยกลุ่มเทคโนโลยี และบริการมีแนวโน้มเติบโตดีกว่ากลุ่มอื่น ๆ กลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงของเรา ยังคงให้น้ำหนัก "Overweight" ต่อสินทรัพย์ทางเลือก โดยเฉพาะทองคำและสินทรัพย์นอกตลาดที่สามารถสร้างรายได้ประจำ เพื่อเสริมความแข็งแรงของพอร์ตในยุคที่โลกเริ่มเปลี่ยนผ่าน จากการพึ่งพาสินทรัพย์การเงินของสหรัฐฯ “เวย์ ฟุก โหว กล่าว

หากกล่าวโดยสรุป DBS แนะนำการจัดพอร์ตลงทุนว่า ตราสารหนี้ยังน่าสนใจให้น้ำหนักมากกว่าตราสารทุน โดยเน้นลงทุนในตราสารระดับ Investment Grade ที่มีอายุตั้งแต่ 2-3 ปี และ 7-10 ปี กลยุทธ์ Liquid+ อายุ 2-3 ปี ส่วนหุ้นมองเชิงบวกต่อหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ และให้น้ำหนัก “Overweight” ต่อหุ้นยุโรป แต่ “Underweight” เล็กน้อยในหุ้นสหรัฐฯ ตลอดจนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนทองคำ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ข่าวหุ้นธุรกิจ

“สุวรรณภูมิ” ขึ้นแท่นฮับการบินโลก ให้บริการ 113 สายการบิน มากสุดอันดับ 1

30 นาทีที่แล้ว

ไทยประณาม “กัมพูชา” ใช้ทุ่นระเบิดเขตแดน ละเมิดอธิปไตย-กฎหมายระหว่างประเทศ

33 นาทีที่แล้ว

“กรมบัญชีกลาง” เปิดข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง 1.57 แสนลบ. ยื่นประมูลรายเดียวรับงานทันที

39 นาทีที่แล้ว

NER แจงไฟไหม้โกดัง ไร้สารเคมีอันตราย ควบคุมได้แล้ว-ประกันครอบคลุม

55 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

“สุวรรณภูมิ” ขึ้นแท่นฮับการบินโลก ให้บริการ 113 สายการบิน มากสุดอันดับ 1

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ไทยประณาม “กัมพูชา” ใช้ทุ่นระเบิดเขตแดน ละเมิดอธิปไตย-กฎหมายระหว่างประเทศ

ข่าวหุ้นธุรกิจ

“กรมบัญชีกลาง” เปิดข้อมูลจัดซื้อจัดจ้าง 1.57 แสนลบ. ยื่นประมูลรายเดียวรับงานทันที

ข่าวหุ้นธุรกิจ

NER แจงไฟไหม้โกดัง ไร้สารเคมีอันตราย ควบคุมได้แล้ว-ประกันครอบคลุม

ข่าวหุ้นธุรกิจ

สวยใส ไม่ไร้สมอง! รีวิว 'HONOR 400 Pro' มือถือกล้องเทพ จัดเต็ม AI

กรุงเทพธุรกิจ

“กรมอุตุ” เตือนฉบับ 3! พายุ “วิภา” ถล่มไทย ฝนหนักทั่วประเทศ

ข่าวหุ้นธุรกิจ

ข่าวและบทความยอดนิยม

หวั่นยอด ‘หุ้นกู้ผิดนัด-ยืดหนี้’ พุ่ง ภาษีทรัมป์-เศรษฐกิจชะลอซ้ำเติม

ข่าวหุ้นธุรกิจ

SET ปิดบวกเหนือ 1,200 จุด รับ “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้า จับตาเจรจาภาษีสหรัฐต่อ

ข่าวหุ้นธุรกิจ

แก๊ง 4 โมงเย็น 18 ก.ค.68

ข่าวหุ้นธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...