ตั้ง"ธนาคารพุทธฯ" แยกเงิน"พระ-วัด"
"รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ" เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำเนียบรัฐบาล เผยเล็งตั้ง "ธนาคารพุทธศาสนา" ดูแลทรัพย์สินวงการสงฆ์ แยกเงิน "พระ - วัด"ให้ชัด หวังแก้วิกฤติศรัทธาประชาชน
ที่ทำเนียบรัฐบ าล เมื่อเวลา 08.40 น. ของวันที่ 7 ก.ค.68 นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการแบ่งงานตามหน้าที่ ว่า เดี๋ยวจะหารือกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ส่วนตัวทำได้ทุกเรื่อง อยู่การเมืองมา 40 ปี เป็นรัฐมนตรีหลายครั้ง และเคยเป็นรองประธานสภา
เมื่อถามว่าถ้าต้องดูสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะมีความหนักใจหรือไม่ นายสุชาติ กล่าวว่า ขณะนี้เกิดวิกฤตวงการสงฆ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้พุทธศาสนิกชน มีความไม่สบายใจ มีความเศร้าหมอง เกี่ยวกับความศรัทธา เพราะฉะนั้นคงต้องรีบดำเนินการแก้ไข โดยดูว่าปัญหามาจากตรงไหน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องทรัพย์สินของวัด การประพฤติของเจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่ที่ได้รับการบริจาคเยอะ ๆ จึงต้องไปจัดการที่ต้นตอ
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า นโยบายของตนคือจะดำเนินการจัดการทรัพย์สินของวัด ให้เป็นระบบ เช่น ควรจำแนกว่าทรัพย์สินของวัดนี้มีจำนวนเท่าไหร่ เป็นของวัดเท่าไหร่ เป็นของพระเท่าไหร่ ซึ่งควรแยกออกจากกันให้ชัดเจนและดำเนินการให้ถูกต้อง และมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบ โดยไม่ปล่อยปละละเลย อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาจนเกิดวิกฤตขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าเป็นขบวนการด้วยหรือไม่ เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นต่อเนื่อง วิกฤตศรัทธาตรงนี้ต้องรีบแก้ไข บ้านเราประชาชนนับถือศาสนาพุทธเป็นจำนวนมาก เมื่อเกิดวิกฤตแบบนี้ก็เกิดความไม่สบายใจ
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า จะต้องหารือกับมหาเถระสมาคม และอาจมีการตั้งธนาคารพระพุทธศาสนาขึ้นมา เพื่อดูแลทรัพย์สินของศาสนาโดยเฉพาะ ซึ่งเรื่องนี้ต้องออกกฎหมาย และต้องดูระเบียบทุกอย่างให้ชัดเจนเพราะที่ผ่านมา ก็มีระเบียบกฎหมายแต่ทำไมยังมีการฝ่าฝืน ซึ่งตนจะเร่งดำเนินการและรายงานให้สังคมทราบเป็นระยะ
จากนั้น เวลา 09.09 น. นายสุชาติ ได้สักการะพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล หลังจากเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และตำรวจ บก.ปปป. ตรวจสอบหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างสีกา ก. วัย 35 ปี คนสนิท ทิดอาชว์ หรืออดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ "เจ้าคุณอาชว์" อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร เจ้าคณะภาค 14-15 (ธ.) วัย 54 ปี สึกฟ้าผ่า ที่ จ.หนองคาย เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. จากการตรวจสอบยังพบว่า สีกา ก. ไปมีส่วนพัวพันสวาทกับพระชั้น ผู้ใหญ่อีกหลายรูป ล่าสุดจากการตรวจค้นบ้านพักของสีกา ก. ยังพบจีวรในบ้านอีกหลายผืนด้วย
มีรายงานว่า พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต. ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. พร้อมทีมสืบสวน เร่งตรวจสอบและรวบรวมหลักฐานต่างๆในคดีทั้งที่ ได้จากวัดตรีทศเทพฯ และหลักฐานที่ตรวจค้นได้จาก ภายในบ้านพักสีกา ก. รวมทั้งเร่งผลตรวจสอบโทรศัพท์ มือถือ 5 เครื่องของสีกา ก. ที่เจ้าหน้าที่ขออายัดมา ตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการตรวจสอบเส้นเงินของเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพฯ มีรายงานว่า มีการจ่ายเงินให้กับสีกา ก. ไปเพียงหลักล้านบาท ไม่ได้มากเหมือนกับคดี "ทิดแย้ม" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ที่นำเงินของวัดมาจ่ายให้กับสีกาคนสนิทหลายร้อยล้านบาท ในรายของอดีตเจ้าอาวาสวัด ตรีทศเทพฯ ทราบว่าเป็นเงินส่วนตัวของทิดอาชว์ ที่ต้องยอมจ่ายให้ไป เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าวฉาวดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีรายงานด้วยว่า ที่ผ่านมาสีกา ก. เข้าไปมีความสัมพันธ์กับพระระดับชั้นผู้ใหญ่ ค่อนข้างจะมีฐานะมาแล้วหลายสิบรูป บางรายยังบวชอยู่ บางรายลาสิกขาไปแล้ว บางรูปเป็นถึงพระชั้นผู้ใหญ่ ระดับเจ้าคณะจังหวัด ความสัมพันธ์ลึกซึ้งจนถึงขั้นมีบุตรด้วยกัน แต่ให้ญาติคนสนิทไปจดทะเบียน รับเป็นพ่อของเด็กอีกด้วย ขณะเดียวกันสำหรับจีวรหลายผืนที่พบอยู่ใน บ้านของสีกา ก. มีรายงานว่า เจ้าตัวรับสารภาพแล้วว่า มีใครเป็นเจ้าของบ้าง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบอย่างสำนักพุทธฯเข้ามาร่วม ดำเนินการทางวินัยสงฆ์ ทั้งนี้ ทราบด้วยว่ามีพระชั้น ผู้ใหญ่นับสิบรูปที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกา ก. ถึงขั้นปาราชิก แต่ปัจจุบันยังบวชอยู่อีกด้วย