“ภูมิธรรม”ยึด KPI 3 เดือน ประเมินโยกย้ายใหญ่ บิ๊กข้าราชการ มท.
เมื่อเวลา 11.15 น. วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.1) แถลงภายหลังประชุมมอบนโยบายต่อหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย ว่าตนพร้อมรัฐมนตรีช่วยอีก 2 คน จะร่วมมือกันทำงานอย่างเป็นเอกภาพ และขอให้นโยบายชัดเจนเน้นผลงาน ไม่เน้นพิธีการหรือภาพลักษณ์
“ผมไม่ต้องการข้าราชการเดินตาม ไม่ต้องมานั่งรอเจอหน้า แต่อยากเห็นผลงานเป็นรูปธรรม” นายภูมิธรรมกล่าว พร้อมวาง KPI ระยะ 3 เดือน ต้องมีความคืบหน้าแก้ปัญหา หากถึงเดือนกันยายนแล้วยังไม่มีอะไรชัดเจน “ขอปรับกำลังใหม่” เพื่อให้คนที่เหมาะสมได้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพ
สำหรับประเด็นสำคัญที่นายภูมิธรรม เน้น ได้แก่
- ยาเสพติดต้องเป็นวาระใหญ่ของ มท. และต้องร่วมมือทุกฝ่าย เพราะปัญหาลุกลามไปถึงระดับหมู่บ้าน ชี้ตัวเลขปราบปรามต้องแปลงเป็นความรู้สึกที่ประชาชน “สัมผัสได้”
- ปัญหา ระเบียบราชการล้าสมัย ต้องกล้าปรับ ย้ำการบริการประชาชนต้อง “เร็ว-ตรงจุด”
- เศรษฐกิจฐานราก เป็นภารกิจสำคัญของ มท. ในการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน
- เปิดช่องแจ้งปัญหา ให้ข้าราชการทุกระดับกล้าสื่อสารกับรัฐมนตรี “ประตูห้องผมเปิดตลอด”
- หากพบ ข้าราชการเกียร์ว่าง หรือไม่ทำตามนโยบาย “เข้าข่ายละเว้นตาม ม.157” มีสิทธิ์ถูกดำเนินคดี
นายภูมิธรรมยังกล่าวถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนวิธีคิดของระบบราชการ โดยเน้น “การตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อใครคนใดคนหนึ่ง” พร้อมเสนอแนวคิด “สลายสีสิงห์” ไม่ว่าจะสิงห์แดง สิงห์ดำ หรือแม้แต่ “สิงห์น้ำเงิน” ที่ถูกมองว่ามีโยงการเมือง
“อยากให้มองที่ผลงาน ไม่ใช่สี ไม่ใช่พรรค” มท.1 กล่าว
ในช่วงท้าย มีการตั้งคำถามถึงสถานการณ์รัฐบาลหลัง น.ส.แพ ทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว นายภูมิธรรมกล่าวว่า “ไม่ใช่ช่วงเกียร์ว่าง รัฐมนตรีทำงานได้ตามกลไกรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว” พร้อมเตือนหากใครในระบบราชการเลือก “ไม่ทำงาน” ก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมา
“คนเกียร์ว่าง แปลว่าไม่อยากทำงาน ก็ต้องทำให้ไม่ทำงาน” มท.1ทิ้งท้ายอย่างแข็งกร้าว
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม เริ่มต้นบทบาท รมว.มหาดไทย ด้วยท่าทีแข็งขัน มุ่งเน้นการวัดผลที่ชัดเจนใน 3 เดือน แสดงจุดยืนไม่ประนีประนอมกับข้าราชการที่ไม่ทำงาน พร้อมยกเครื่องระบบราชการ มุ่งมั่นสร้าง “มหาดไทยใหม่” ที่ประชาชนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง