โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เมื่อทักษิณเลือก "นิ่ง" สังคมยิ่งถามดัง ทำไมหงอ "ฮุน เซน"?!?

สยามรัฐ

อัพเดต 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในสนามการเมืองไทย ชื่อของ “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่เคยหลุดจากเวทีหลักของการวิพากษ์ แม้เวลาจะล่วงเลยมากกว่าทศวรรษนับตั้งแต่เขาถูกโค่นอำนาจเมื่อปี 2549 ทักษิณยังคงแสดงบทบาทอย่างแข็งขันทั้งผ่านสื่อ สัมภาษณ์ และโพสต์ข้อความตอบโต้ทุกครั้งที่มีประเด็นพาดพิงถึงตนเองหรือครอบครัว

แต่ความผิดปกติกลับเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อ “ฮุน เซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ออกมาเปิดโปงสารพัดเรื่องร้อนผ่านสื่อของประเทศตนเอง พาดพิงถึงทักษิณ และเชื่อมโยงถึงความสัมพันธ์เชิงลับกับรัฐบาลไทยปัจจุบัน โดยเฉพาะกับลูกสาวของเขา “แพทองธาร ชินวัตร”

แต่แทนที่ทักษิณจะลุกขึ้นชี้แจงหรือโต้กลับอย่างที่เคย ท่าทีของเขากลับกลายเป็น “ความเงียบสนิท” … และนั่นคือความเงียบที่กำลังทำให้ “เสียงของสังคม” ดังขึ้นเรื่อย ๆ

ฮุน เซน ปล่อยหมัดตรง: เกมเปิดหน้าหรือกลยุทธ์กดดัน?

เมื่อฮุน เซน เปิดเผยเนื้อหาการสนทนาในคลิปเสียงที่เกี่ยวโยงถึงชื่อแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทย และเอ่ยถึง บางประเด็นในเชิงที่อาจกระทบต่ออธิปไตยของไทย นั่นไม่ใช่เรื่องเล็ก

จากคลิปเสียงดังกล่าว ทำให้เป็นที่มาของเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายภาคส่วนว่ารัฐบาลไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธารยอมอ่อนข้อให้กับอำนาจต่างชาติ และทำให้ประเทศไทยดูเหมือน “อ่อนแอเชิงยุทธศาสตร์”

ถ้าพิจารณาในมิติการเมืองระหว่างประเทศ การเปิดโปงเช่นนี้ไม่ใช่เพียงการแฉเบื้องหลัง แต่คือการกดดันเชิงอำนาจโดยมี “ทักษิณ” เป็นจุดร่วม

ทักษิณเคยไม่เคยเงียบ แล้วทำไมครั้งนี้นิ่งสนิท?

สังคมไทยเคยชินกับภาพของ “ทักษิณผู้ไม่ยอมให้ใครดูแคลน”

เขาตอบโต้ทุกข้อกล่าวหาในสมัยอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาว

เขาเคยเปิดเกมสวนกลับคนที่ล้อเลียนเขาเรื่องคดีคอร์รัปชัน

เขาเคยทวีต-โทรศัพท์-ส่งสาส์นผ่านสื่ออย่างต่อเนื่องแม้อยู่ต่างแดน

แต่วาระนี้กลับ “นิ่งสนิท” ไม่แม้แต่โพสต์ใด ๆ ผ่าน X หรือให้สัมภาษณ์ต่อสื่อของฝ่ายสนับสนุน

คำถามจึงดังขึ้นเรื่อย ๆ ว่า

-ทักษิณเกรงกลัวอำนาจของฮุน เซน หรือไม่?

-เขามีดีลลับอะไรที่ถูกจับได้หรือไม่?

-หรือความเงียบครั้งนี้คือการยอมรับโดยปริยาย?

เงียบ = ยอมรับ? เมื่อการไม่ปฏิเสธคือการส่งสัญญาณ

ในแวดวงการเมือง การนิ่งเฉยในประเด็นที่อ่อนไหวเท่ากับการ “ปล่อยให้สังคมตีความ” และนั่นอันตรายมากกว่าการโต้กลับเสียอีก

ท่าทีของทักษิณที่เงียบในจังหวะที่ควร “อธิบาย” กำลังเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามใช้ประเด็นนี้โจมตีอย่างได้ผล เช่น

-ฝ่ายค้านชูประเด็นนี้ในสภาเพื่อกดดันแพทองธาร

-กลุ่มผู้ชุมนุม “รวมพลังแผ่นดิน” ใช้ประเด็นนี้ปลุกกระแส “ขายชาติ”

-สายอนุรักษนิยมตั้งคำถามถึงความปลอดภัยเชิงยุทธศาสตร์ของชาติ

แม้คนที่ถูกพักหน้าที่อย่างแพทองธารจะยังมีชื่อเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม แต่ภาพลักษณ์ของเธอกลับถูกบั่นทอนทุกขณะ โดยที่พ่อผู้เคยปกป้องลูกเสมอ…กลับนิ่งเฉย

ความสัมพันธ์ “ทักษิณ-ฮุน เซน”: พันธมิตรเก่า กลายเป็นหอกข้างแคร่?

ในอดีต ฮุน เซน คือพันธมิตรคนสำคัญของทักษิณ เขาเคยให้ที่พักพิงหลังรัฐประหารปี 2549 มีข่าวว่ามีการร่วมลงทุนในกัมพูชา และแม้ในช่วงยิ่งลักษณ์ ฮุน เซน ก็แสดงจุดยืนสนับสนุนรัฐบาลที่ใกล้ชิดทักษิณ

แต่ภาพในปัจจุบันเปลี่ยนไปสิ้นเชิง

ฮุน เซน ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่อาจทำให้รัฐบาลแพทองธารล้มได้

เขาใช้สื่อในประเทศตนเองในการเปิดประเด็น

และที่สำคัญ…เขาทำเช่นนั้น “โดยไม่ถูกทักษิณตอบโต้ใด ๆ เลย”

นักวิเคราะห์บางคนจึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจมี “ดีลบางอย่างที่ผิดคำมั่น” หรือ “ข้อตกลงทางผลประโยชน์” ที่ไม่สำเร็จ จนกลายเป็นสาเหตุที่ฮุน เซน เปิดเกมเชิงรุก

ราคาที่ต้องจ่ายของความเงียบ

ความเงียบของทักษิณอาจช่วยเลี่ยงการปะทะในระยะสั้น แต่ส่งผลเสียมหาศาลในระยะยาวดังนี้

1. บั่นทอนเครดิตตนเอง จากผู้นำที่เคยแหลมคม กลายเป็นภาพของผู้นำที่ “เลือกเงียบเพื่อเอาตัวรอด”

2. กระทบลูกสาวทางตรง แพทองธารต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากทั้งภายในและภายนอก กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้อง “แบกรับเงาของพ่อ” โดยไม่ได้รับการปกป้อง

3.เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามขยายผล ทุกคำถามที่ไม่ถูกตอบ จะกลายเป็น “ช่องให้สมมุติฐานลบ” ลุกลามในสังคม

หากนี่คือกลยุทธ์…มันอาจย้อนกลับมาเล่นงาน

บางฝ่ายอาจมองว่าทักษิณใช้ “ความเงียบ” เป็นกลยุทธ์ ให้เวลาผ่านไปเพื่อให้เรื่องจาง แต่ในยุคที่ข่าวสารวิ่งเร็ว วาทกรรมแรง และสังคมจับจ้อง ความเงียบไม่ใช่เกราะกำบังอีกต่อไป

ยุคนี้คนไม่รอคำแถลง: หากไม่พูด ความเข้าใจผิดจะถูกสร้างขึ้น

โซเชียลไม่ให้เวลา: ความเงียบ = พาดหัวใหม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทุกวัน

การเมืองไม่ทนต่อสุญญากาศ: หากไม่มีคำอธิบาย สภาจะเรียกฝ่ายค้านเข้ามาตรวจสอบอย่างเข้มข้น

ทางออก: ยังทันไหม?

หากทักษิณต้องการรักษาทั้งภาพลักษณ์ของตนเอง และเสถียรภาพทางการเมืองของลูกสาวในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทางออกที่ดีที่สุดคือ

1.แถลงอย่างเป็นทางการ อธิบายความสัมพันธ์กับฮุน เซน และชี้แจงข้อเท็จจริง

2.ขอรับผิดชอบหากมีข้อบกพร่อง แสดงความกล้าหาญทางจริยธรรม

3.ยุติบทบาทแทรกแซง ลดความเชื่อมโยงในสายตาประชาชนระหว่างเขากับรัฐบาลลูกสาว

เพราะหากปล่อยให้ “ฮุน เซน” พูดฝ่ายเดียว โดยไม่มีการโต้กลับจากทักษิณ…ความเงียบนั้นจะกลายเป็นคำพิพากษาทางสังคมอย่างไม่มีวันย้อนกลับ

เสียงเงียบของทักษิณ-เสียงดังของสังคม

ในโลกการเมือง ความเงียบคือกลยุทธ์ได้ในบางจังหวะ…แต่ไม่ใช่ในเวลาที่ข้อกล่าวหากำลังสั่นคลอนเสถียรภาพของประเทศ และลูกสาวของทักษิณกำลังเผชิญแรงกดดันหนักที่สุดในชีวิตทางการเมือง

“ทักษิณผู้ไม่เคยยอมใคร” กำลังนิ่งผิดวิสัย และความนิ่งครั้งนี้ไม่เพียงเป็นสัญญาณให้ฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหว แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ว่า “ผู้นำในอดีต” จะกล้ายอมรับภาระทางจริยธรรมในฐานะ “พ่อของผู้นำในปัจจุบัน” หรือไม่

เพราะบางครั้ง…เสียงที่ดังที่สุดในสนามการเมืองคือเสียงของ “คนที่ควรพูด…แต่ไม่พูด”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

รวบ 2 สาวดาว "X"อัดคลิปโป๊เรียกน้ำย่อยก่อนให้โอนเงินดูคลิปเต็มฟันรายได้เพียบ

6 นาทีที่แล้ว

มาสด้าชวนลูกค้าร่วมค้นหาความสุขและสร้างแรงบันดาลใจ ผ่านปรัชญา “JOY DRIVES LIVES ความสุขขับเคลื่อนชีวิต”

7 นาทีที่แล้ว

เพาเวอร์บายปรับโฉมสาขาแฟชั่นไอส์แลนด์ เจาะกลุ่มครอบครัว-คนรุ่นใหม่ ดันเป็นศูนย์รวมเทคโนโลยีเพื่อชีวิตย่านรามอินทรา

7 นาทีที่แล้ว

หนองบัวลำภูแถลงจัดงาน "เปิดบ้าน เปิดเมือง เกษตรแฟร์ ของดีเมืองลุ่มภู" ประจำปี 2568

8 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม