อดีตรองแม่ทัพภาค 2 แฉ! เพื่อน "ฮุน มาเนต" เป็นที่ปรึกษาทรัมป์ – เตือนรัฐไทยต้องระวังเกมเจรจาชายแดน
พล.ต.ท.กนก เนตระคะเวสนะ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการเจรจาหยุดยิงฉุกเฉินระหว่างไทยและกัมพูชาในมาเลเซีย ครั้งนี้อาจข้ามขั้นตอน "ดั้งเดิม" และมีความไม่สมดุลด้านอำนาจระหว่างผู้เจรจา
พล.ต.ท.กนกชี้ว่ากรณีปกติ หลังเกิดไฟสงคราม ทหารทั้งสองฝ่ายต้องหยุดยิงก่อนจึงจะเข้าสู่กระบวนการเจรจา แต่ในการประชุมครั้งนี้กลับมีการเจรจาก่อน และไม่ได้เตรียมข้อมูลเรื่องการสูญเสียประชาชน ความเสียหาย หรือหลักฐานอื่นจากแนวชายแดนเพื่อใช้เจรจา
เขาย้ำว่า “ไทยไม่ควรตกลงอะไรในระหว่างการเจรจาโดยไม่รับรองเป็นลายลักษณ์อักษร หากไม่อยากเสี่ยงต่อการสูญเสียอธิปไตย” รวมถึงแนะนำให้เก็บข้อมูลเหตุการณ์จริงจากแนวชายแดนก่อนนำขึ้นโต๊ะเจรจา
ด้านอำนาจต่อรองที่ไม่เท่าเทียม
พล.ต.ท.กนกมองว่า ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มีประสบการณ์ทางทหารและความรู้จริงในสนามรบ จึงสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์ต่อการเจรจได้ ขณะที่ฝ่ายไทยซึ่งเป็นรักษาการนายกฯ อาจขาดข้อมูลเชิงลึก และทำให้เสียเปรียบ
“ฮุนมาเนตเป็นผู้บัญชาการรบ จึงเคลื่อนไหวข้อมูลและเชื่อมโยงเรื่องได้ดีกว่า แม้ไม่ใช่ข้อมูลจริงก็ตาม”
ห่วงจีนหรือสหรัฐฯ เข้าช่วยฝ่ายกัมพูชา
อดีตรองแม่ทัพ 2 ยังตั้งข้อสังเกตว่า จีนอาจเข้ามาช่วยเหลือกัมพูชาในการเจรจา เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น ท่าเรือเรียม และอ้าแขนให้จีนใช้เป็นฐานทัพในทะเลจีนใต้ ขณะที่สหรัฐฯ ผ่านเทคให้ฮุนมาเนตเข้าร่วมในฐานะที่ปรึกษา และอาจตอบแทนด้วยผลประโยชน์บางอย่าง จึงกดดันให้ฝ่ายไทยต้องระมัดระวัง
เตือนยกเลิกข้อตกลง MOU43– ใช้หลักสี่เหลี่ยมในการเจรจา
พล.ต.ท.กนกเรียกร้องให้ยกเลิก MOU43 ซึ่งระบุว่าห้ามสู้รบ แต่มีเงื่อนไขข้ามข้อตกลงนี้ เช่น แผนที่ 1:200,000 ที่กำลังเป็นประเด็น ความขัดแย้ง ขอให้กรอบเจรจาชัดเจน หากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น อำนาจการสั่งต้องเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้น ผู้สั่งอาจถูกมองว่าเป็น “กบฏ” หากเกิดการสูญเสียที่ไม่สามารถควบคุมได้