สาธารณสุข เผยมีผู้บาดเจ็บเหตุชายแดนไทย-กัมพูชาเพิ่ม
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า จากการติดตามสถานการณ์ข้อมูลเมื่อเวลา 09.00 น. มีประชาชนได้รับบาดเจ็บอาการหนักเพิ่มขึ้น 1 ราย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บสะสมรวม 36 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 15 ราย มีอาการหนัก 11 ราย ผู้เสียชีวิตยังเท่าเดิม 13 ราย ส่วนโรงพยาบาลได้รับผลกระทบรวม 19 แห่ง
นพ.วีรวุฒิ กล่าวอีกว่า ต้องปิดให้บริการเพิ่มขึ้นอีก 4 แห่ง ได้แก่ รพ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี, รพ.บัวเชด รพ.สังขะ จ.สุรินทร์ และ รพ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ รวมปิดให้บริการ 11 แห่ง ลดบริการเหลือเฉพาะฉุกเฉิน (อีอาร์) เพิ่มอีก 1 แห่ง คือ รพ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ รวมเปิดบริการเฉพาะฉุกเฉิน 8 แห่ง ต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย 617 ราย มีการเปิดศูนย์อพยพเพิ่มเป็น 433 แห่ง มีผู้เข้าพัก 138,152 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 21,076 คน ส่งต่อผู้อพยพไปรักษาในโรงพยาบาล 139 ราย
"ความเสียหายของอาคารสถานที่ในโรงพยาบาล เบื้องต้น จ.ศรีสะเกษ มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับความเสียหาย 3 แห่ง จ.สุรินทร์ มีอาคารภูมิพัฒน์ รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา มูลค่าความเสียหาย 1.5 ล้านบาท ส่วนอาคารอื่นๆ ต้องรอเข้าสำรวจหลังจากสถานการณ์ปลอดภัยแล้ว ทั้งนี้ ได้สั่งการให้โรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงกรณีมีการใช้อาวุธที่มีรัศมีทำการไกลขึ้น เตรียมวางแผนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกไปยังโรงพยาบาลในจังหวัดใกล้เคียงที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยไว้ด้วย" นพ.วีรวุฒิ กล่าว
นพ.วีรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับการวางระบบดูแลประชาชน ได้จัดทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ อนามัยสิ่งแวดล้อม และเยียวยาจิตใจ รองรับการดูแลประชาชนเพิ่มเป็น 321 ทีม หากพื้นที่ต้องการสนับสนุนเพิ่มเติมให้ประสานส่วนกลางที่กองสาธารณสุขฉุกเฉิน และกำชับเฝ้าระวังปัญหาโรคติดต่อในศูนย์อพยพ โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคระบบทางเดินอาหาร ซึ่งขณะนี้พบสัญญาณการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจเพิ่มขึ้น รวมถึงให้การดูแลด้านจิตใจ ทั้งประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และบุคลากร เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่