ศบ.ทก. ซัด "กัมพูชา" ไม่จริงใจหยุดยิง ส่งทหารปะทะใกล้เข้าพระวิหาร ตั้งแต่ตี 2
ศบ.ทก. ซัด "กัมพูชา" ไม่จริงใจนั่งโต๊ะเจรจา ส่งกำลังทหารเข้าปะทะใกล้เขาพระวิหาร ตั้งแต่ตี 2 ยิงจรวด BM-21 ใส่เป้าหมายพลเรือน ระบุต้นตอปัญหามาจากรัฐบาลกัมพูชาล้วนๆ
เมื่อเวลา 12.05 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก. ว่ากรณีปรากฏเป็นข่าวบางประเทศเรียกร้องให้ไทยกับกัมพูชาหยุดยิง ฝ่ายไทยขอชี้แจงว่า เห็นด้วยในหลักการดังกล่าว แต่จะกระทำได้ต่อเมื่อฝ่ายกัมพูชาแสดงความจริงใจหารือในรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งหยุดยิงเป็นที่ประจักษ์ ฝ่ายกัมพูชายังคงมีการส่งกำลังทหารเข้าปะทะบริเวณใกล้เคียงพื้นที่เขาพระวิหารในเวลา 02.10 น. การยิงจรวด BM-21 ในเวลา 06.10 น. มายังฝ่ายไทย ตกบริเวณบ้านตาโสร์ หมู่ 10 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเป้าหมายของพลเรือน ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 ก.ค. ในเวลา 15.30 น. กระสุนปืนใหญ่ของกัมพูชาได้พุ่งเป้าใส่โรงพยาบาลในพื้นที่ ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลศรีสะเกษ โรงพยาบาลบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังในการตั้งอาวุธยิง ถือเป็นการใช้ประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างไร้หลักมนุษยธรรม ทั้งหมดนี้ถือเป็นการละเมิดต่ออนุสัญญาเจนีวาอย่างชัดเจนเราขอประณามความไม่จริงใจในการพูดคุยของฝ่ายกัมพูชา
ที่ผ่านมาฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธและเลื่อนการเจรจาในเวทีทวิภาคีอยู่หลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเจบีซี จีบีซี หรืออาร์บีซี และที่ผ่านมาสังเกตได้ว่า ฝ่ายกัมพูชามีการเสริมกำลังทางทหาร บริเวณชายแดน วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา แสดงท่าทียั่วยุปลุกระดมมวลชนเข้าสู่พื้นที่ความตึงเครียดใช้กระแสชาตินิยมมาปลุกปั่น หวังยกระดับให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ และกล่าวหาประเทศไทยอย่างไร้หลักฐานที่เป็นชนวนของความไม่พอใจและนำไปสู่การใช้รุนแรงต่อกันในเวลาต่อมา
ซัดต้นตอปัญหามาจากรัฐบาลกัมพูชาล้วนๆ
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวว่า สรุปยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.ค. สำหรับผู้เสียชีวิตที่เป็นพลเรือน มีจำนวน 13 ราย บาดเจ็บสาหัส 11 ราย บาดเจ็บปานกลาง 12 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ยอดรวมทั้งหมด 49 ราย จะสังเกตได้ว่า ถึงแม้ตัวเลขอาจจะไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่คงต้องชื่นชมหน่วยงานในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข ในการช่วยเหลือประชาชนอพยพออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน ถือว่าประชาชนอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยแล้ว และได้รับการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ในเรื่องปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบัน เป็นปัญหาที่เกิดจากนโยบายและรัฐบาลกัมพูชาล้วนๆ ไม่ใช่เกิดจากประชาชนผู้บริสุทธิ์ของทั้งสองประเทศ
จึงขอวิงวอนให้ประชาชนชาวไทยหลีกเลี่ยงการแสดงความรุนแรงด้วยการใช้คำหรือการใช้กำลัง การดูหมิ่นเหยียดหยามพี่น้องกัมพูชาที่เข้ามาพำนักหรือทำงานในไทยอย่างสุจริต เช่นผู้ใช้แรงงาน นักเรียน นักศึกษา ชาวกัมพูชา หรือแม้กระทั่งผู้ประกอบการในทุกสาขาวิชาชีพ เว้นในกรณีที่ชาวกัมพูชานั้นแสดงกิริยาก้าวร้าว ขอให้ใช้สติและเหตุผลในการพูดจา ตักเตือน โดยหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ถ้าเหตุสุดวิสัยจริงขอแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รองโฆษก กต. บอกนานาชาติเข้าใจไทย
ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค. มีการประชุมของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) แบบปิด เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี 15 รัฐสมาชิกยูเอ็นเอสซี รวมถึงคู่กรณีคือ ไทยกับกัมพูชาเข้าร่วมประชุมเป็นโอกาสให้ฝ่ายไทยย้ำจุดยืนต่อประชาคมโลกด้วยหลักฐานที่หนักแน่นและข้อเท็จจริงที่ชัดเจนว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มและเปิดฉากยิงก่อน โดยโจมตีเป้าหมายพลเรือนไทย มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ต้องอพยพเป็นหลักแสนคน อีกทั้งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง
ซึ่งการหารือของประเทศสมาชิกยูเอ็นเอสซี ได้กล่าวถึงหลักการกว้างๆ ไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารผลลัพธ์ใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แสดงว่า สมาชิกต่างๆ มีความเข้าใจในจุดยืนและการดำเนินการของฝ่ายไทย ในเรื่องการโจมตีเป้าหมายพลเรือนโดยฝ่ายกัมพูชา ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา ที่เกี่ยวกับคุ้มครองหน่วยแพทย์และสถานพยาบาล และเกี่ยวกับภารกิจคุ้มครองโรงพยาบาลฝ่ายพลเรือน
กระทรวงการต่างประเทศจะมีหนังสือถึงประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) แสดงการประณามอย่างรุนแรงต่อการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงเหล่านี้ และจะพบกับสำนักงานไอซีอาร์ซี ที่ประจำในประเทศไทยในวันอังคาร 29 ก.ค.นี้ เพื่อชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีความสำคัญที่กระทรวงต่างประเทศต้องเดินหน้าในลักษณะนี้ เพราะไทยต้องการสื่อสารไปยังประชาคมโลกว่า การกระทำอย่างไร้มนุษยธรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาเป็นสิ่งที่ประชาคมระหว่างประเทศจะต้องร่วมกันประณาม
บอกกัมพูชาต้องจริงใจหยุดยิงก่อน
นางมาระตี กล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาจะต้องแสดงออกถึงความจริงใจในการหยุดยิงก่อน โดยเฉพาะการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมายซึ่งยังคงดำเนินการอยู่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศยังต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงต่อสื่อต่างประเทศและประณามกรณีกองกำลังกัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงโจมตีบ้านเรือนประชาชนใน จ.สุรินทร์ พร้อมตอบโต้การเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนโดยฝ่ายกัมพูชาที่กล่าวหาว่าฝ่ายไทยเป็นฝ่ายริเริ่ม ทราบว่า หลายสำนักข่าวโดยเฉพาะสื่อต่างประเทศกำลังจะเดินทางลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อรายงานข่าวติดตามสถานการณ์ โดยกรมประชาสัมพันธ์จะเป็นผู้ประสานงานหลักร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อที่จะประสานงานและให้ข้อมูลกับสื่อต่างประเทศ เพื่อการทำงานที่ราบรื่น
เกาะติดสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นี่
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ศบ.ทก. ซัด "กัมพูชา" ไม่จริงใจหยุดยิง ส่งทหารปะทะใกล้เข้าพระวิหาร ตั้งแต่ตี 2
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “เพื่อไทย” ปัดศึก 2 ตระกูลจุดไฟสงครามไทย-กัมพูชา ย้ำต้นเหตุจากผู้นำเขมรไม่พอใจปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
- ศบ.ทก. ซัด "กัมพูชา" ไม่จริงใจหยุดยิง ส่งทหารปะทะใกล้เข้าพระวิหาร ตั้งแต่ตี 2
- ช่องสายตะกูปะทะเดือด BM21 เจาะหลังคาทะลุพื้นบ้าน วัวตายเกลื่อน
- “เสธ.เบิร์ด” เรียกร้อง “ฮุน มาเนต” แถลงหยุดยิงอย่างเป็นทางการ และเจรจากับไทย
- กัมพูชาใช้ปืนใหญ่ ถล่มปราสาท "ตาควาย" ยิง BM-21 ใส่ "ตาเมือนธม"
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath