ตายดาบหน้า
หลังเพลี่ยงพล้ำถูกพิษร้ายจากแม่ทัพเฒ่า “ฮุนเซน” จนแทบกระอักโลหิต!! แต่แม่ทัพหญิง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร กลับไม่ยอมถอย ไม่ยุบสภา ไม่ลาออก แม้จะตกอยู่ในวงล้อมของศัตรู…
คมดาบที่ฟาดฟัน ล้วนมาจากอริรอบทิศ
ไม่ว่าจะเป็นคมดาบจาก “มิตรที่แปรเปลี่ยนเป็นศัตรู” อย่างพรรคภูมิใจไทย ตั้งดาบรออภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ในสภา
ไม่ว่าจะเป็นดาบจาก ส.ว. สายสีน้ำเงิน ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกฯ จากปมคลิปเสียงสนทนาลุงฮุน ด้วยข้อหาร้ายแรง แทรกแซงอธิปไตย สนทนากับอริต่างแดน ฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ไม่ว่าจะเป็นดาบของศัตรูเก่าและศัตรูใหม่ ที่หลอมรวมมวลชนหลากกลุ่ม ทั้งเสื้อเหลือง นกหวีด และอดีตคนเสื้อแดง ที่นัดหมายลงถนนขับไล่
ยังไม่รวมคดีความต่างๆ ที่รออยู่นับสิบคดี…ดุจพายุคลั่งกลางหุบเขา แต่แม่ทัพหญิงกลับนิ่งสงบ
แม่ทัพหญิงไม่ล่วงรู้ภัยเบื้องหน้าหรือ? กุนซือข้างกายไม่ล่วงรู้หรือ? หรือแม้แต่ยอดฝีมืออย่าง “ทักษิณ” ยังไม่รู้หรือ?
ในยามนี้เชื่อว่า แม่ทัพหญิงรู้ กุนซือรู้ และทักษิณรู้… แต่ยังคงเดินหน้า มุ่งฝ่าไปข้างหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน
เพราะหาก “ทิ้งไพ่ยุบสภา” ทั้งที่ไร้กระแสสนับสนุนจากประชาชน ย่อมไม่ต่างจากการกระโดดลงเหว เปิดประตูเชื้อเชิญศัตรูเข้าสู่ตำหนักไทยคู่ฟ้าอย่างสะดวกโยธิน
กองทัพเพื่อไทยในยามหลังชนฝา จึงเร่งรุก – สั่งสมพลัง หวังตีฝ่าวงล้อม
เบื้องหลังการเข้ายึดค่าย “มหาดไทย” มีนัยสำคัญเชื่อมโยงกลศึก “กระตุ้นเศรษฐกิจ” มูลค่า 1.57 แสนล้าน มิใช่เพียงหวังเขย่าเศรษฐกิจให้ฟื้น หากแต่เพื่อซื้อใจหัวคะแนน ปรับแถวขุนนางท้องถิ่น และวางเบี้ยให้พร้อมรบ
จึงไม่แปลกที่จะได้ยินเสียง “จอมยุทธ์หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาดักคอ เตือนว่า “ขุนนางมหาดไทยย่อมกระทำตามวิถีอันชอบธรรม”
แต่ไทม์ไลน์การขยับยึดศูนย์บัญชาการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเคยเป็นของค่ายภูมิใจไทยนั้น ช่างสอดรับกับฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ เป็นห้วงแห่งการจัดทัพใหม่ เพื่อปิดประตูไม่ให้ศัตรูกลับมาสั่นคลอนฐานอำนาจอีก
การเดินหมาก ดึงบ้านใหญ่ เจาะภาคใต้ คือแผนลึกของนายใหญ่
สองเดือนจากนี้ คือช่วงที่ค่ายน้ำเงินเองต้องระวังหลัง ไม่ต่างจากแม่ทัพหญิง
แม้แต่กลุ่ม “มะขามหวาน” กับวราเทพ รัตนากร แห่งพลังประชารัฐ ที่แม้จะแสดงตัวต่อผู้มีบารมีแห่งบุรีรัมย์ แต่ในยุทธจักรการเมือง ย่อมไม่มีศัตรูถาวร ไม่มีมิตรแท้
คำแนะนำของ “พิธา” ที่ว่าให้ยุบสภาเพื่อกู้พลังกลับคืนมา จึงเป็นเพียงลมพัดผ่าน
เพราะแม่ทัพหญิงไม่อาจถอนทัพได้ หากนางขาลอย สิ้นอำนาจแล้วไซร้ ทักษิณก็มิมีหลักให้เกาะเกี่ยวเช่นกัน
วันที่หนึ่งแห่งเดือนเจ็ด เป็นเส้นตายที่โลหิตทางการเมืองอาจหลั่งไหล
ศาลอาญานัดตรวจพยานในคดีที่เกี่ยวข้องกับ “ทักษิณ ชินวัตร” ตาม ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
แม้เป็นเพียงกระบวนการในศาล แต่สะเทือนถึงยุทธจักรย่อมมิอาจเลี่ยง
ในวันเดียวกันนั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็มีนัดประชุมหากรับคำร้องถอดถอนนายกฯ และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทัพแดงก็ยังมี “ภูมิธรรม เวชยชัย” กระบี่มือขวาแห่งทักษิณ ผู้พร้อมรักษาการแทน
กลศึกของแม่ทัพหญิงในยามนี้ คือการยื้อเวลา เพื่อสั่งสมพลัง
สะสมกระสุน ปรับแถวทัพ เจาะฐานภาคใต้ ครองอำนาจท้องถิ่น ด้วยเครือข่ายกลุ่มทุนและขุนนาง
หวังเพียง “เวลา” และ “จังหวะ” ที่จะตีฝ่าวงล้อมให้ได้
ดุจดั่งสำนวนไทยที่ว่า “ไปตายเอาดาบหน้า”
แต่สำหรับแม่ทัพหญิงผู้นี้ ทุกย่างก้าวคือการยื้อเพื่อให้ศัตรูอ่อนแรง และหาโอกาส “ย้อนศร” กลับคืนศูนย์กลางอำนาจอีกครา!