คนไทยป่วย NCDs พุ่ง 33 ล้านคน! แพทย์แนะลดเสี่ยง ‘โรคหลอดเลือดสมอง’ ฝึกพฤติกรรม-ปรับวิถีชีวิต
คนไทยป่วย NCDs พุ่ง 33 ล้านคน! แพทย์แนะลดเสี่ยง ‘โรคหลอดเลือดสมอง’ ฝึกพฤติกรรม-ปรับวิถีชีวิต
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ที่ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ‘เครือมติชน’ พร้อมด้วยพันธมิตรด้านสุขภาพ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เดินหน้าเปิดงานแฟร์สุขภาพอันดับ 1 ของประเทศ Thailand Healthcare 2025 ภายใต้ธีม ‘A Better Life : สร้างสุขทุกช่วงวัย’ ระหว่างวันที่ 26-29 มิถุนายน ตั้งแต่เวลา 10.00-20.00 น.
เวลา 11.15-12.00 น. เข้าสู่ช่วง Highlight Talk : โรคหลอดเลือดสมองกับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต โดย นพ.ชาญพงค์ ตังคณะกุล ประสาทแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชันแนล
นพ.ชาญพงค์กล่าวว่า โรคหลอดเลือดสมอง จัดอยู่ในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ซึ่งคนไทยป่วยด้วยโรค NCDs มากถึง 33 ล้านคน ถือว่าเป็นปัญหาของสาธารณสุขในไทย โดยสมัยก่อนเป็นโรคของผู้สูงวัยในช่วงอายุ 60-70 ปี แต่ปัจจุบันลดลงเหลือ 30-40 ปี ก็สามารถเป็นโรคหลอดเลือดในสมองได้ โดยสาเหตุของการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง คือ 1.หลอดเลือดสมองอุดตัน เช่น หลอดเลือดบริเวณคอตีบแคบ/อุดตัน, หลอดเลือดในสมองตีบแคบ/อุดตัน และลิ่มเลือดหลุดจากหัวใจ 2.เส้นเลือดในสมองแตก เช่น โรคหลอดเลือดสมองแตก, โรคหลอดเลือดสมองโป่งพองแตก และโรคหลอดเลือดขอดในสมองแตก
นพ.ชาญพงค์กล่าวอีกว่า สำหรับอาการของโรคหลอดเลือดสมอง สามารถเขียนย่อได้ว่า BEFAST คือ 1.Balance อาการเวียนศีรษะ บ้านหมุนฉับพลัน เดินเซ 2.Eyes ตามัวมองไม่เห็น เห็นภาพซ้อนฉับพลัน 3.Face Dropping ยิ้มแล้วมุมปากตก ปากเบี้ยว 4.Arm Weakness ยกมือแล้วกำไม่ได้ หรือแขนขาไม่มีแรง 5.Speak Difficulty พูดไม่ชัด พูดไม่ออก และ 6.Time to call ควรรีบโทรศัพท์เเจ้งเจ้าหน้าที่และนำส่งโรงพยาบาล โดยอย่างเร็วที่สุดภายใน 4-5 ชั่วโมง ต้องถึงโรงพยาบาลหากมีอาการ ซึ่งเป็นเวลาที่แพทย์จะสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดได้ ประกอบกับการใช้เครื่องมือ เช่น การรักษาด้วยวิธีเอกซเรย์สนามแม่เหล็ก หรือ MRI Fast Track, การฉีดสีเพื่อลากลิ่มเลือดออกจากหลอดเลือดสมอง โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการรักษา
นพ.ชาญพงค์กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุของเลือดออกในสมอง เกิดจาก 1.ความดันโลหิตสูง 2.หลอดเลือดโป่งพอง 3.หลอดเลือดขอด 4.แอลกอฮอล์ และ 5.ทานยาบางอย่าง เช่น ยาละลายลิ่มเลือด โดยอาการโรคหลอดเลือดในสมองแตก เช่น ปวด/เวียนศีรษะ, ขา/อัมพาตครึ่งซีก, พูดลำบาก, เดินเซ, ไม่รู้สึกตัว และมีอัตราการตายหรือพิการสูง
“คนที่อยู่ดีๆ แล้วเกิดอาการปวดศีรษะ โดยที่อธิบายไม่ได้หรือหาสาเหตุไม่เจอ ควรระวังการเกิดเลือดออกในสมองได้ ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สูงอายุ ก็อาจเกิดปัญหาเลือดออกในสมองได้ จึงแนะนำให้ทุกบ้านจะต้องมีเครื่องวัดความดัน ซึ่งโดยปกติแล้ว คนเรามักจะวัดแค่ความดัน หรือดูแค่น้ำหนัก นั่นไม่พอ เวลาเรามีไขมันแทรกอยู่ในหน้าท้องนั้น ก็จะไปแทรกที่ตับ เกิดไขมันพอกตับ ไขมันแทรกที่หัวใจ ทำให้เกิดโรคหัวใจ ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดในสมองได้ด้วยเช่นดัน เพราะฉะนั้น เวลาชั่งน้ำหนัก ต้องถามต่อว่ามีไขมันที่แทรกในหน้าท้องเยอะหรือไม่” นพ.ชาญพงค์กล่าว
นพ.ชาญพงค์กล่าวว่า สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง แบ่งออกเป็น 1. ปัจจัยเสี่ยงหลัก คือ โรคความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, การสูบบุรี่, โรคหัวใจ และหลอดเลือดคอตีบแตก ส่วนปัจจัยเสี่ยงรอง คือ แอลกอฮอล์, ไขมันในเลือดสูง, ภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจระหว่าวนอนหลับ และมีประวัติเคยเป็นมาก่อน
“วิธีทำอย่างไรไม่ให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองตีบซ้ำ คือ การทานอาหารที่เหมาะสม, ออกกำลังกาย, ควบคุมน้ำหนัก, ควบคุมความดัน, ทานยา (ลดไขมันและยาป้องกันหลอดเลือดอุดตัน) และใช้ชีวิตที่ไม่เครียด จะช่วยลดความเสี่ยงได้ถึง 80% โดยทุก 2 มิลลิเมตรของความดันที่ลดลง จะลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหัวใจ 6% และลดโรคหลอดเลือดสมอง 15%“ นพ.ชาญพงค์กล่าว
ส่วนสิ่งที่เป็นศัตรูของสมอง นพ.ชาญพงค์กล่าวยกตัวอย่าง คือ 1.การพักผ่อนน้อย นอนน้อย จะรบกวนการฟื้นฟูและการล้างของเสียในสมอง โดยการนอนที่ดีที่สุดคือ 7 ชั่วโมง 2.เครียดเรื้อรัง เพิ่มฮอร์โมนคอร์ดิซอล ทำลายเซลล์สมองโดยเฉพาะที่ฮิปโปแคมปัส 3.อาหารขยะ น้ำตาลสูง ทำให้เกิดการอักเสบในสองและเร่งความเสื่อม 4.ไม่เคลื่อนไหว ไม่ออกกำลังกาย ลดการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง และขัดขวางการสร้างเซลล์สมองใหม่ โดยในผู้หญิงควรเดินให้ได้วันละ 8,000 ก้าว ส่วนผู้ชายควรเดินวันละ 10,000 ก้าว 5.ติดหน้าจอ ขาดสมาธิและนอนไม่หลับ ทำให้สมองล้า วิตกง่าย และเชื่อมโยงข้อมูลได้น้อยลง และ 6.สารพิษ เช่น บุหรี่ แอลกอฮอล์ ยาเสพติด ทำลายโครงสร้างสมองโดยตรง
นพ.ชาญพงค์ยังกล่าวถึงวิธีปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต มีอยู่ 4 ประเด็น รือ 1.ปรับเปลี่ยนอาหาร เน้นรูปแบบการกินที่ทำให้สุขภาพดี เน้นความหลากหลายของอาหาร เน้นคุณค่าต่อหน่วยแคลอรี่ หลีกเลี่ยงสิ่งไม่ดี เช่น น้ำตาล เกลือ ไขมันอิ่มตัว หรือการทานมังสวิรัต อาหารเมดิเตอเรเนียน ที่ได้พลังงานส่วนใหญ่จากพืช ลดเนื้อของสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม และอาหารลดความดัน ประกอบด้วย ทานผักและผลไม้ ทานธัญพืชไม่ขัดสี ทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน รวมถึงอาหาร Plant-Based เป็นต้น
“โดยคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไทย คือ ปรับพฤติกรรม ลดเสี่ยง NCDs เริ่มวันนี้ เพื่อชีวิตที่ยืนยาว โปรตีนอย่าให้ขาด 1-2 กรัมต่อ 1 กก. น้ำหนักตัว คาร์บอย่าให้เกิน 5-20% ของพลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน เพิ่มเติมด้วยไขมันดี” นพ.ชาญพงค์กล่าว
2.การออกกำลังกาย ทำให้สมองดี เพิ่มการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมอง, กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนความสุข, กระตุ้นการสร้างเซลล์สมองใหม่, ช่วยให้นอนหลับลึกขึ้น และลดความเสี่ยงสมองเสื่อมในระยะยาว รวมถึงนอนดี สมองดี
3.การจัดการความเครียด เช่น ฝึกนั่งวางความคิด Meditation โดยรูปแบบที่ง่ายที่สุดคือ การผ่อนคลายและยิ้ม และสังเกตลมหายใจ เสียง ความคิด โดยยิ่งทำบ่อย ยิ่งทำมาก ก็ยิ่งวางความคิดได้เก่ง ความเครียดจะลดลง
4.การฝึกพฤติกรรม มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น หลีกเลี่ยงสารพิษต่อสมอง จัดการความเครียดอย่างสร้างสรรค์ เชื่อมโยงธรรมะหรือจิตวิญญาณ โดยได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่าหากทำสิ่งเหล่านี้ทำให้อายุยืน ไม่เป็นอัลไซเมอร์ ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ยา เป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิถีชีวิต เป็นการฟื้นฟูสมอง
ทั้งนี้ งาน Thailand Healthcare 2025 ภายใต้ธีม ‘A Better Life : สร้างสุขทุกช่วงวัย’ จัดใหญ่จัดเต็ม 4 วัน ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน-วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 ที่ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ ประชาชนสามารถเดินทางมาด้วยรถไฟฟ้า MRT ลงที่สถานีสามย่าน ทางออกที่ 2
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : คนไทยป่วย NCDs พุ่ง 33 ล้านคน! แพทย์แนะลดเสี่ยง ‘โรคหลอดเลือดสมอง’ ฝึกพฤติกรรม-ปรับวิถีชีวิต
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th