จเรตำรวจแห่งชาติประชุมวอร์รูม IAC เปิดปฏิบัติการ “ปิดประตูทุบหม้อข้าว” ปักธง 3 เดือน ล้างบางคอลเซ็นเตอร์ฐานใหญ่ของโลก
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ (ศกค.) /International Anti-Scam and Human Trafficking Syndicate Command Center (IAC) เป็นประธานการประชุมเปิดปฏิบัติการศูนย์บริหารเหตุการณ์แก๊งคอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์นานาชาติ โดยมี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.)/ที่ปรึกษา ศกค. , นายสุริยน ประภาสะวัต อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1 สำนักงานอัยการสูงสุด/ที่ปรึกษา ศกค. , พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท./รอง ผบ.เหตุการณ์ (1)
พร้อมด้วย พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว/รอง ผบ.เหตุการณ์ (2) , พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 2 , ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่ร่วมปฏิบัติการในวอร์รูม IAC ร่วมประชุม อาทิ ผู้แทน บช.สอท. , กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง , สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง , ตำรวจภูธรภาค 2 , ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ , กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , ธนาคารแห่งประเทศไทย , สำนักงาน กสทช. , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ , สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ , สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลบุคคล , สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสถาบันการเงินต่างๆ
พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า “วอร์รูม ศกค.” หรือ IAC นี้ มีผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศ และนานาประเทศ รวมทั้ง UNODC , FBI , Interpol ร่วมปฏิบัติการ ซึ่งจะทำให้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ที่เกิดขึ้นได้รับการแก้ไขทันทีได้ในทุกๆ วัน ขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งระบบ ทุกมิติ ทั้งการปราบปราม การระงับบัญชี การติดตามเส้นเงิน ฯลฯ
ปัจจุบันพบว่า ประเทศกัมพูชาเป็นฐานปฏิบัติการสำคัญของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับโลก ซึ่งมีพฤติการณ์หลอกลวงประชาชนในหลายประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการปราบปรามให้หมดสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้การกวาดล้างฐานปฏิบัติการขนาดใหญ่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ “วอร์รูม IAC” ได้กำหนดมาตรการเชิงรุกภายใต้แนวคิด “ปิดประตูทุบหม้อข้าว” พร้อมจัดวางกลไกการทำงานอย่างเป็นระบบ มุ่งปฏิบัติการอย่างเข้มข้น โดยตั้งเป้าให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 3 เดือน
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยฯ กล่าวว่า ขณะนี้ยังพบว่ามีคนไทยลักลอบข้ามแดนไปทำงานให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เข้าข่าย “ขายชาติ” โดยตำรวจจะเร่งติดตามจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้กระทำผิดทุกรายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวใช้วิธีการหลอกลวงประชาชนไทย เพื่อนำเงินไปสนับสนุนการจัดหาอาวุธ และก่อความไม่สงบที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ด้วยเหตุนี้ การปราบปรามจึงต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นการตัดเส้นเลือดหล่อเลี้ยงเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา และยุติวงจรการหลอกลวงที่สร้างความเสียหายแก่ประชาชนไทยและทั่วโลก